สหรัฐฯ ถอนตัวจากสนธิสัญญากรุงปารีสว่าด้วยการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก อย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ ท่ามกลางสถานการณ์คลุมเครือในเวทีการเมืองอเมริกันขณะนี้
ตอนนี้สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกของโลก ที่ถอนตัวจากสนธิสัญญากรุงปารีสอย่างเป็นทางการ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผลักดันเรื่องนี้มาเมื่อ 3 ปีก่อน
ปัจจุบันเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ยังอยู่ในข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศนี้ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งจัดทำขึ้นมาตั้งแต่ปี 2015
ภายใต้สนธิสัญญานี้ นานาชาติเห็นพ้องต้องกันในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส จากความกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ที่ว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส อาจนำไปสู่ภาวะสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงอย่างที่สุด
การถอนตัวจากสนธิสัญญากรุงปารีสของสหรัฐฯ อาจเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมายสำคัญดังกล่าว จากที่สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มากเป็นอันดับสองของโลก
อย่างไรก็ตาม การถอนตัวจากข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมนี้อาจมีผลเพียงชั่วคราว หากอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ จากที่ไบเดน เป็นผู้สนับสนุนการกลับเข้าร่วมสนธิสัญญากรุงปารีส และมีแผนเสนอให้จัดงบรัฐบาลกลาง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้สหรัฐฯ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนเหลือศูนย์ให้ได้ภายในปี 2050
ด้านนิคลัส ฮอห์น นักวิทยาศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากมหาวิทยาลัย Wageningen ทวีตข้อความถึงเรื่องนี้ว่า การเลือกตั้งสหรัฐฯครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่แท้จริง