รมต.ยุติธรรมสหรัฐฯ ยืนยันความถูกต้องการใช้มาตรการรุนแรงต่อผู้ประท้วง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เข้าพบคณะกรรมาธิการตุลาการสภาคองเกรส เพื่อให้ตอบคำถามเกี่ยวกับนโยบายการใช้กำลังเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางเข้าดูแลเหตุประท้วงในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งทางการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าไม่ต้องการให้เข้ามาข้องเกี่ยว

สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า เจอร์โรลด์ แนดเลอร์ ประธานคณะกรรมาธิการตุลาการสภาล่าง กล่าวเปิดการประชุมในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า การดำรงตำแหน่งของ วิลเลียม บาร์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ที่ผ่านมานั้น มีแต่การทำงานที่ขัดแย้งกับหัวใจของการทำงานของกระทรวงอย่างต่อเนื่อง และดูเป็นความพยายามที่จะทำให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พอใจ ก่อนที่ รมต.บาร์ จะตอบกลับว่า ตนมีอิสรภาพที่จะทำทุกสิ่งที่คิดว่าถูกต้องเสมอ

นอกจากนั้น รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ยังตอบปัดคำกล่าวหาของ แนดเลอร์ ว่าการส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางไปยังเมืองที่มีการประท้วง คือความพยายามช่วยหาเสียงให้กับปธน.ทรัมป์

การเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการตุลาการสภาล่างของ รมต.ยุติธรรมสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2019 และจัดขึ้นขณะที่กระทรวงยุติธรรมถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก จากการส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางไปสลายการชุมนุมในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน รวมที่กรุงวอชิงตัน

ก่อนปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมาธิการตุลาการสภาล่าง รมต.บาร์ เตรียมแถลงการณ์เพื่อเปิดการนำเสนอข้อมูล ที่ระบุว่า การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสี ระหว่าการถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองมินนิแอโปลิส รัฐมินนิโซตา เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่ “เลวร้าย” และนำไปสู่ความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานรักษากฎหมายและชาวแอฟริกันอเมริกันในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม รมต.บาร์ กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงทั่วประเทศที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่นั้นมา กลับกลายมาเป็นประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของฟลอยด์เลย พร้อมระบุว่า “สิ่งที่หายไปจากภาพเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ คือ การที่ผู้ก่อเหตุจลาจลไม่แม้จะพยายามเชื่อมโยงการเสียชีวิตของฟลอยด์ เข้ากับการเรียกร้องให้มีการปฏิรูป(ตำรวจ)”

นอกจากนั้น รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ย้ำการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วิจารณ์ผู้นำท้องถิ่นหลายราย ที่ปฏิเสธการส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางเข้าดูแลสถานการณ์การชุมนุม และร้องขอให้สภาคองเกรสเข้าขวางการส่งเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายไปยังพื้นที่ของตน ว่า “ผู้ที่ได้รับเลือกเข้าทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน ซึ่งรวมถึงสมาชิกของคณะกรรมาธิการนี้ ... ควรจะประณามการใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางและการทำลายทรัพย์สินของรัฐ”

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีจาก 6 เมืองที่มีเหตุชุมนุมประท้วงส่งหนังสือให้กับผู้นำวุฒิสภาและผู้นำสภาล่าง เพื่อขอให้ช่วยจำกัดการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง และว่า “การทำการ(ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง” ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศนี้เลย”