เกิดเหตุจรวดโจมตีบริเวณเขตอาคารสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ในช่วงข้ามคืนวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับอิรัก หลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศถอนทหารอเมริกันอีก 500 นายออกจากอิรัก
สื่อของอิรักรายงานว่า จรวดจำนวน 7 ลูกที่ยิงมาจากกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน ตกลงในเขตปลอดภัยสูงสุด หรือ กรีนโซน ในกรุงแบกแดด โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายโจมตีอาคารสถานทูตสหรัฐฯ
ไม่มีรายงานเจ้าหน้าที่อเมริกันได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ แต่เจ้าหน้าที่ทหารอิรักระบุว่ามีเด็กเสียชีวิตหนึ่งคน และชาวบ้านในบริเวณนั้นได้รับบาดเจ็บ 5 คนจากการโจมตีดังกล่าว
ด้านกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน ประกาศว่าการโจมตีนี้เป็นการตอบโต้ที่ทหารอเมริกันจับกุมสมาชิกสามคนของกลุ่มที่เมืองฟัลลูจา ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด เมื่อไม่นานนี้
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีอิรัก มุสตาฟา คาดีมี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯ มีแผนจะถอนทหาร 500 คนออกจากอิรักในเร็ววันนี้ และระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รับปากกับตนไว้ว่าจะถอนทหารออกจากอิรักภายใน 1 ปี
เมื่อวันอังคาร คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ภายในวันที่ 15 มกราคมปีหน้า กองทัพสหรัฐฯ จะลดจำนวนกองกำลังในอิรักอีก 500 นาย จากที่ปัจจุบันมีทหารอเมริกันประจำการในอิรักราว 3,000 นาย ภายใต้ผลประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์เพื่อให้มั่นใจว่า กลุ่มอย่าง al-Qaida และ ISIS จะไม่สามารถเข้าพื้นที่ดังกล่าวโจมตีสหรัฐฯ ได้
และเมื่อต้นสัปดาห์ สื่อนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ปธน.ทรัมป์ เคยพิจารณาว่าจะโจมตีสถานที่เสริมคุณภาพนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่คณะที่ปรึกษาได้ทักท้วงเอาไว้