ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้พยายามผลักดันและเรียกเสียงสนับสนุนให้รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงเช็คเงินช่วยเหลือสำหรับผู้มีสิทธิ์คนละ 1,400 ดอลลาร์ ที่คนไทยในอเมริกาให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า พวกเขาตั้งตารอคอยเพื่อประคองการใช้ชีวิตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วที่ธุรกิจร้านอาหารของคนไทยในสหรัฐฯ ต้องรับมือและปรับตัวให้เข้ากับการระบาดของโควิด-19 รวมไปถึงมาตรการด้านสาธารณสุขที่เปลี่ยนแปลงไปตามความรุนแรงของสถานการณ์ในแต่ละช่วง
ผลกระทบที่เห็นได้ชัด คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในย่านไทยทาวน์ ในนครลอสแอนเจลิส ที่เคยคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่แวะเวียนมาลิ้มลองอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหารตามสั่ง ข้าวแกง หรือขนมไทย
“พอมีโควิดมาปุ๊บ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย พอไม่มีนั่งทาน ความตื่นเต้น ความสนุกสนานที่ไทยทาวน์มันก็จะลดลง ความรู้สึกที่แบบคนที่คิดถึงไทยทาวน์ก็จะมา ณ จุดนี้ ปกติจะคึกคัก ๆ ตอนนี้ก็คือเงียบ ว่างเปล่า"
พธพร ศรีบุญลือ พนักงานร้านเรือนแพ ร้านอาหารไทยเก่าแก่ในไทยทาวน์ ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่าร้านเรือนแพต้องปรับตัวให้เข้ากับมาตรการยับยั้งการระบาดของโควิด-19 ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เรียกได้ว่าเข้มงวดที่สุดในประเทศ ซึ่งห้ามไม่ให้มีการรับประทานอาหารภายในร้านและนอกร้านเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
"ความรู้สึกของลูกค้ามันก็ไม่เหมือนเดิม ที่จะออกมานั่งกินท้ายรถ หรืออะไรแบบนี้ บางทีก็เห็นหลายคนบางทีก็ยืนกิน มีลูกค้าบางคนเข้ามาขอ ขอทานได้มั้ย ด้วยนะ บางคนก็ไม่รู้ พี่ก็ไม่เข้าใจ ก็บอกว่ามันไม่ได้จริง ๆ"
ถึงแม้ว่าอัตราผู้ป่วยโควิด-19 ในรัฐแคลิฟอร์เนียจะลดลงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ทำให้ร้านอาหารเปิดให้บริการภายนอกร้านได้อีกครั้ง แต่ผู้ประกอบการและพนักงานไทยมองว่ายังต้องใช้เวลา ก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับไปเหมือนเดิม
"ปีนี้มันก็ยังไม่ฟื้นกันอีกซะทีเดียว เจ้าของร้านก็คงต้องปรับกลยุทธ์กันอีกหลายอย่าง มันก็คงต้องใช้เวลาที่จะกลับมา เพราะว่าเม็ดเงินก็หายไป คนทำงานก็ลดลงทุกอย่าง"
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้พยายามผลักดันให้รัฐสภาเห็นชอบแผนการช่วยเหลือเยียวยาทางเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ซึ่งแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ครอบคลุมหลายมาตรการ เช่น การให้เงินช่วยเหลือผู้ที่ตกงาน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การให้งบประมาณสนับสนุนการฉีดวัคซีน ตลอดจนการแจกจ่ายเงินโดยตรงให้กับผู้มีสิทธิ์ ซึ่งคนไทยในสหรัฐฯ หลายคนมองว่าจะมีส่วนช่วยอย่างมาก
"ไม่ใช่ว่าชอบขอแต่เงิน ลองดูสิ ถ้าไม่มีเงินอัดฉีด ร้านอาหารลดการทำงาน ลดชั่วโมง ลด shift (เวรการทำงาน) รายได้ตรงนั้นมาจากไหน ไม่ใช่เรารอแต่ขอนะ ถ้าไม่มีเงินอัดฉีดมาในธุรกิจ เศรษฐกิจจะดำเนินยังไง งานโดนตัด shift ลง บางคนโดนเลย์ออฟ รายได้มันหด เม็ดเงินมันหดไป ถ้างานมาเหมือนเดิม ทุกอย่างมันกลับมาเราก็คงไม่มีปัญหาตรงนี้ เราก็คงไม่ต้องมารอเงินสองพัน (ดอลลาร์) เราก็ยังทำงานของเราปกติ เลย์อออฟมันไม่มีเงินกินเงินใช้ จะให้ทำยังไง"
ในปีที่ผ่านมา รัฐสภาสหรัฐฯ ได้เห็นชอบอนุมัติงบช่วยเหลือคนอเมริกันในภาวะโควิด-19 ไปสองครั้ง ในเดือนมีนาคม และเดือนธันวาคม ซึ่งคนไทยที่ทำงานในอเมริกาหลายคนได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว รวมถึงพนักงานในร้านอาหาร Amazing Thai ในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา ซึ่ง กุลสตรี โนรี เป็นเจ้าของดำเนินกิจการมาเป็นเวลา 14 ปี
“ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น ดีกว่าที่รัฐบาลไม่ยื่นมือมาช่วยอะไรเลย ถึงแม้ว่าเงินอาจจะไม่มาก สำหรับบางคนอาจจะ 600 เอง 1,200 (ดอลลาร์) เอง แต่มันอาจจะมีคุณค่าต่อหลายชีวิตที่โดนสภาวะโควิด"
หากรัฐสภาสหรัฐฯ ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายการช่วยเหลือชาวอเมริกันปีค.ศ.2021 หรือ American Rescue Plan Act of 2021 ของประธานาธิบดีไบเดน ผู้ที่ตกงาน ซึ่งปัจจุบันมีถึงประมาณ 18 ล้านคน จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐสัปดาห์ละ 400 ดอลลาร์ ไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ผู้ที่มีสิทธิ์ยังจะได้รับเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าอีกคนละ 1,400 ดอลลาร์
กุลสตรี ที่ต้องดูแลพนักงานเกือบ 30 ชีวิต มองว่ามาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของรัฐยังจำเป็น เพราะโควิด-19 ยังระบาดและส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ยังเพิ่งเริ่มต้น
“ถ้าเกิดได้มาอีกซักตั้งหนึ่งก็ดี โค้งสุดท้ายก่อนที่จะรับวัคซีน เพราะวัคซีนเราก็ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ คนบอกว่าได้ ได้แน่ spring (ฤดูใบไม้ผลิ) นี่ฉีดแน่ แต่เราไม่รู้ว่า spring ช่วงเวลาเดือนไหน"
ก่อนหน้านี้มีเสียงคัดค้านจากสมาชิกสภาพรรครีพับลิกัน ที่เห็นว่าแผนเยียวยาเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ของไบเดนใช้งบประมาณสูงเกินไป บ้างก็มองว่าเป็นการหว่านเงินโดยไม่เน้นไปที่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ แต่สภาครองเกรสสหรัฐฯ ใช้วิธีการพิจารณางบประมาณแบบพิเศษ ที่จะทำให้สามารถอนุมัติร่างกฎหมายแผนการช่วยเหลือเศรษฐกิจดังกล่าวด้วยเสียงข้างมาก โดยไม่ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกันแต่อย่างใด
ด้านนายชัค ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตและผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภายังแสดงความมั่นใจอีกด้วยว่า พ.ร.บ.แผนการช่วยเหลือชาวอเมริกันท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 จะได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส และจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งจะเป็นวันที่มาตราการความช่วยเหลือชุดก่อนหมดอายุลง
