ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารคอนโดมิเนียมถล่มในเมืองเซิร์ฟไซด์ รัฐฟลอริดา พุ่งสูงต่อเนื่องจนถึงระดับ 32 รายในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ตัวเลขผู้สูญหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่ที่ 113 ราย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพผู้เสียชีวิตจากเหตุโศกนาฏกรรมนี้อีก 4 รายในวันอังคาร ก่อนจะเดินเดินหน้าการค้นหาผู้ที่อาจรอดชีวิตภายใต้ซากอาคารสูง 12 ชั้น ซึ่งเพิ่งถูกระเบิดทำลายส่วนที่เหลือให้หมดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ส่วนหนึ่งของอาคารถล่มลงมาครึ่งหนึ่งเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน
นับตั้งแต่เกิดเหตุอาคารถล่มมา เข้าหน้าที่ในเมืองเซิร์ฟไซด์ ของเขตปกครองไมอามี-เดดเคาน์ตี้ ทำการเคลื่อนย้ายเศษซากอาคารเป็นจำนวนเกือบ 2.5 ล้านกิโลกรัมออกจากพื้นที่ไปแล้ว
แมกกี้ คาสโตร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ชีพฉุกเฉินจากหน่วยกู้ภัยและดับเพลิงไมอามี-เดด ยอมรับว่า โอกาสที่จะค้นพบผู้รอดชีวิตนั้นลดลงไปทุกๆ วัน แม้ว่าทางทีมงานค้นหาจะสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่มีซากอาคารกองทับถมอยู่ได้อย่างปลอดภัย หลังทำการระเบิดส่วนของอาคารที่เหลือให้ถล่มลงมาเรียบร้อยแล้วก็ตาม
ก่อนหน้านี้ อลัน โคมินสกี หัวหน้าหน่วยกู้ภัยและดับเพลิงไมอามี-เดด กล่าวว่า ต้องมีการใช้ความระมัดระวังอย่างมากในกระบวนการค้นหานี้ เนื่องจากเหตุฟ้าแลบและลมกรรโชกแรงที่พัดเศษซากอาคารอยู่ตลอด อันเป็นผลมาจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนเอลซาที่แผ่เข้ามาในพื้นที่รัฐฟลอริดา
และในวันอังคารนี้เอง หน่วยค้นหาต้องหยุดการทำงานเป็นเวลา 2 ชั่วโมงเพราะสภาพอากาศที่มีสายฟ้าแลบต่อเนื่อง
National Weather Service ซึ่งเป็นสำนักพยากรณ์อากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า จะมีพายุลมแรงและสภาพฝนตกหนักเป็นช่วงๆ ตลอดวันอังคาร ก่อนที่สภาพอากาศจะเริ่มดีขึ้นในช่วงเย็นหรือค่ำ จากการที่พายุเคลื่อนตัวขึ้นเหนือไปแล้ว
