ทำเนียบขาวยืนยันในวันจันทร์ว่า ปฏิบัติการอพยพประชาชนออกจากสนามบินฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล จะเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะถึงกำหนดเส้นตาย แม้เพิ่งเกิดการโจมตีด้วยจรวดหลายลูกเมื่อชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา
พลตรีวิลเลียม เทย์เลอร์ แห่งกองทัพบกสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "สหรัฐฯ มีศักยภาพพอที่จะดำเนินอพยพประชาชนออกจากกรุงคาบูลต่อไปจนกว่าจะถึงเส้นตายวันที่ 31 สิงหาคม"
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จอห์น เคอร์บี กล่าวว่า "ภารกิจที่สนามบินกรุงคาบูลจะเดินหน้าต่อไปจนถึงเที่ยวบินสุดท้าย"
พลตรีเทย์เลอร์ ระบุว่า มีจรวดที่ยิงเข้าไปในบริเวณสนามบินกรุงคาบูลทั้งหมด 5 ลูก โดย 3 ลูกพลาดเป้าหมายบริเวณสนามบินทั้งหมด ส่วนลูกที่ 4 ตกไม่ไกลแต่ไม่กระทบต่อภารกิจอพยพประชาชนหรือเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ขณะที่ลูกที่ 5 ถูกยิงสกัดไว้ด้วยระบบป้องกันขีปนาวุธ
ทางด้านองค์กรข่าวกรอง SITE เปิดเผยว่า กลุ่มรัฐอิสลามโคราซาน (ISIS-K) กล่าวอ้างว่าเป็นผู้ยิงจรวดเหล่านั้น แต่ยังไม่มีการยืนยันคำกล่าวอ้างนี้
โฆษกทำเนียบขาว เจน ซากี มีแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับการโจมตีครั้งล่าสุดแล้ว และได้ยืนยันคำสั่งอีกครั้งให้หน่วยทหารคอมมานโดของสหรัฐฯ เพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการใช้ทุกวิธีเพื่อปกป้องทหารอเมริกันที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกรุงคาบูล
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน กองทัพสหรัฐฯ ได้ใช้ระบบโดรนป้องกันตนเองโจมตียานพาหนะในกรุงคาบูล ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการของกลุ่ม ISIS-K ที่พุ่งเป้าไปยังสนามบิน พร้อมระบุว่า ทางกองทัพฯ “มั่นใจว่า การโจมตีดังกล่าวประสบความสำเร็จ และเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ตัวยานพาหนะที่เกิดขึ้นหลังการยิงโจมตี ชี้ให้เห็นว่า มีวัตถุระเบิดจำนวนมากอยู่ภายในนั้น”
ขณะที่สื่อนิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า การโจมตีด้วยโดรนดังกล่าวหรือแรงระเบิดจากยานพาหนะที่ถูกโจมตี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย รวมทั้งเด็กหลายคน
เตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสนามบิน
เมื่อวันอาทิตย์ สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูล มีคำเตือนถึงพลเมืองอเมริกันในอัฟกานิสถานให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสนามบินกรุงคาบูล รวมทั้งให้เดินทางออกจากบริเวณรอบ ๆ สนามบินทันที
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตือนว่า อาจมีการโจมตีรอบใหม่บริเวณสนามบินในขณะที่ทหารอเมริกันและชาติพันธมิตรกำลังเร่งอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถานก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 31 สิงหาคมนี้ หลังจากที่มีการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้มีชาวอัฟกันเสียชีวิตอย่างน้อย 169 คน และทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 คน
ทำเนียบขาวแถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมจนถึงวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม ได้มีการอพยพประชาชนอเมริกันและชาวอัฟกันที่เคยทำงานให้กับสหรัฐฯ ออกจากกรุงคาบูลแล้ว 116,700 คน และตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมมีการอพยพประชาชนแล้วราว 122,000 คน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวในรายการ This Week ของสถานีเอบีซี ในวันอาทิตย์ว่า การปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถานตอนนี้เต็มไปด้วยภยันตรายในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด พร้อมทั้งระบุทางสถานีซีเอ็นเอ็นด้วยว่า ขณะนี้มีพลเมืองอเมริกันราว 300 คนที่กำลังหาทางอพยพออกจากอัฟกานิสถาน
ข้าหลวงใหญ่ฝ่ายผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ ฟิลิปโป แกรนดี กล่าวในวันจันทร์ว่า ชาวอัฟกันทั้งที่ยังอยู่ในประเทศและอพยพออกไปนอกประเทศ จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากประชาคมโลก องค์กรมนุษยธรรม และประชาชนทั่วไป เพื่อจัดส่งความช่วยเหลือต่าง ๆ ให้แก่พวกเขา ทั้งเพื่อให้พวกเขามีความมั่นคงปลอดภัยและสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหนก็ตาม
(ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์)