ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า อาจเกิดการโจมตีที่สนามบินฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล อีกครั้งในช่วง 24 - 36 ชม.ข้างหน้า สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูลได้มีคำเตือนให้พลเมืองอเมริกันหลบเลี่ยงออกจากบริเวณรอบสนามบินดังกล่าว ขณะที่กลุ่มตาลิบันได้เพิ่มการตรวจสอบตามจุดต่าง ๆ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปสนามบิน ตามคำขอของสหรัฐฯ
ในวันอาทิตย์ สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูล มีคำเตือนถึงพลเมืองอเมริกันในอัฟกานิสถานให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสนามบินฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล รวมทั้งให้เดินทางออกจากบริเวณรอบ ๆ สนามบินทันที
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตือนว่า อาจมีการโจมตีรอบใหม่บริเวณสนามบินในขณะที่ทหารอเมริกันและชาติพันธมิตรกำลังเร่งอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถานก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 31 สิงหาคมนี้ หลังจากที่มีการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้มีชาวอัฟกันเสียชีวิตอย่างน้อย 170 คน และทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 คน
ปธน.ไบเดน กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ทหารหน่วยคอมมานโดของสหรัฐฯ ประจำการที่สนามบินในกรุงคาบูลเพื่อปกป้องทหารอเมริกันซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจช่วยอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถานด้วย
ทำเนียบขาวแถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ได้มีการอพยพประชาชนอเมริกันและชาวอัฟกันที่เคยทำงานให้กับสหรัฐฯ ออกจากกรุงคาบูลแล้ว 113,500 คน โดยเมื่อวันเสาร์ได้อพยพเพิ่มอีกราว 2,000 คน
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จอห์น เคอร์บี กล่าวว่า ภัยคุกคามที่สนามบินกรุงคาบูลยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางกองทัพสหรัฐฯ ได้จับตามองอย่างใกล้ชิดและพร้อมใช้ทุกวิธีในการปกป้องชีวิตประชาชนและเจ้าหน้าที่
ตาลิบันเพิ่มความเข้มงวดรอบเขตสนามบิน
ขณะเดียวกัน กลุ่มตาลิบันได้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบสนามบินกรุงคาบูลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเช่นกัน ตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ร้องขอไป ซึ่งหมายความว่าชาวอัฟกันที่จะเดินทางไปยังสนามบินดังกล่าวเพื่ออพยพออกจากกรุงคาบูลให้ทันวันที่ 31 สิงหาคม จะต้องถูกตรวจสอบตามด่านต่าง ๆ มากขึ้นด้วย
ผู้อยู่ในเหตุการณ์หลายคนกล่าวกับวีโอเอว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มตาลิบันใช้ความเข้มงวดกว่าเดิมกับประชาชนที่ต้องการผ่านจุดตรวจ โดยเฉพาะผู้หญิง
ฮัมดิยา นักศึกษาวัย 20 ปีผู้หนึ่งซึ่งอาศัยในกรุงคาบูลและเคยทำงานให้กับสถานทูตสหรัฐฯ และองค์กรที่ไม่ใช่รัฐบาล หรือ เอ็นจีโอ ของเยอรมนี กล่าวกับวีโอเอทางโทรศัพท์ว่า กลุ่มตาลิบันตรวจทุกคนอย่างเข้มงวด รวมทั้งผู้หญิง
เธอเล่าว่า เมื่อเธอบอกว่าเธอต้องการเดินทางไปอเมริกา หนึ่งในสมาชิกตาลิบันที่จุดตรวจเอาปืนจ่อที่หัวเธอแล้วบอกว่าเธอเป็นพวกนอกรีต และยังขู่ว่าจะยิงเธอทิ้ง โดยนักศึกษาหญิงชาวอัฟกันผู้นี้กล่าวว่า ผู้หญิงที่ไม่มีผู้ชายร่วมเดินทางไปด้วยจะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษจากกลุ่มตาลิบัน
ฮัมดิยา พร้อมกับแม่และน้องสาวเคยผ่านไปถึงสนามบินแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้เธอต้องวิ่งหนีออกมาท่ามกลางความวุ่นวายและศพที่นอนเกลื่อน แม่ของเธอได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทำให้เธอและครอบครัวหวาดกลัวมากที่จะพยายามอพยพออกจากประเทศอีกครั้งหนึ่ง
แหล่งข่าวในกรุงคาบูลกล่าวกับวีโอเอว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มตาลิบันอนุญาตให้สมาชิกครอบครัวละ 2 คนเท่านั้นที่สามารถผ่านจุดตรวจเข้าในเขตสนามบินได้ แต่หลังเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว กลุ่มตาลิบันยิ่งควบคุมพื้นที่รอบสนามบินอย่างเข้มงวดมากขึ้น
ขณะที่ชาวอัฟกันบางส่วนที่ชุมนุมอยู่บริเวณด้านนอกสนามบิน เล่าว่า กลุ่มตาลิบันได้ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายครั้ง และจุดควันสีต่าง ๆ รอบบางส่วนของสนามบิน ซึ่งยิ่งสร้างความสับสนและหลาดกลัวให้แก่ประชาชน
ชาติสมาชิกนาโต้เริ่มยุติการอพยพประชาชน
เวลานี้ ประเทศสมาชิกองค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ บางประเทศได้เริ่มยุติการอพยพประชาชนออกจากกรุงคาบูลก่อนกำหนดเส้นตายในวันอังคารนี้แล้ว ขณะที่รัฐบาลบางประเทศเริ่มประกาศเตือนชาวอัฟกันให้กลับเข้าไปหาที่หลบภัย
อังกฤษยุติภารกิจการอพยพประชาชนเมื่อวันเสาร์ โดยทหารและเจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษชุดสุดท้ายเดินทางไปถึงฐานทัพอากาศอาร์เอเอฟ บริซ นอร์ตัน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ ถือเป็นการสิ้นสุดภารกิจของกองทัพอังกฤษในอัฟกานิสถานตลอด 20 ปีที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการ
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษอพยพพลเมืองชาวอังกฤษและชาวอัฟกันบางส่วนออกจากกรุงคาบูลเป็นจำนวน 15,000 คน ถือเป็นภารกิจอพยพประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดของอังกฤษนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน กล่าวในวิดีโอที่โพสต์ทางทวิตเตอร์ในวันอาทิตย์ ยกย่องทหารที่เข้าร่วมในภารกิจอพยพครั้งใหญ่นี้จนเสร็จสิ้นก่อนกำหนดเส้นตายจะมาถึง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนวิจารณ์ว่า รัฐบาลอังกฤษทำงานอย่างล่าช้าเกินไปจนทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้น เพราะการอพยพควรจะเริ่มได้ตั้งแต่ต้นปีนี้แล้ว
จากอากาศสู่พื้นดิน
ทางด้านองค์กรเอ็นจีโอของชาติตะวันตกหลายแห่งรายงานว่า เวลานี้ชาวอัฟกันหลายร้อยคนได้มุ่งหน้าไปยังบริเวณพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางหลบหนีออกจากอัฟกานิสถาน โดยอาจต้องจ่ายเงินหลายพันดอลลาร์เป็นค่าโดยสารรถยนต์และค่าลักลอบผ่านพรมแดน
รัฐบาลทาจีกีสถานและอุซเบกิสถานประกาศปิดพรมแดนติดกับอัฟกานิสถานเพื่อป้องกันผู้ลักลอบเข้าเมืองแล้ว ขณะที่ปากีสถานเปิดพรมแดนต้อนรับเฉพาะชาวอัฟกันที่เคยทำงานให้กับองค์การนาโต้หรือรัฐบาลชาติตะวันตกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปยังพรมแดนดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านดินแดนที่ปกครองโดยตาลิบัน ในขณะที่ขบวนการลักลอบนำคนข้ามชายแดนก็มักมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธอิสลาม ซึ่งยิ่งเพิ่มความเสี่ยงและอันตรายสำหรับชาวอัฟกันจำนวนมากที่ต้องการหลบหนีออกนอกประเทศในขณะนี้เช่นกัน
(ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์)