ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในปีนี้สนใจที่จะเลือกประธานาธิบดีด้วยการส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์กันมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ที่อาจเกิดขึ้นหากเดินทางไปลงคะเเนนด้วยตนเอง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดคำถามว่าวิธีการดังกล่าวอาจเป็นช่องทางให้ผู้ที่ต้องการโกงการเลือกตั้ง กระทำผิดด้วยการ 'จงใจโหวตซ้ำ' ทั้งทางไปรษณีย์และไปลงคะเเนนที่คูหา
ในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรัฐจอร์เจีย กล่าวว่า เมื่อการเลือกตั้งขั้นต้นในเดือนมิถุนายน พบบัตรเลือกตั้งราว 1,000 ใบ เป็นของผู้ที่ใช้สิทธิ์สองครั้ง
บัตรเหล่านี้ถูกคัดออกและไม่ได้เปลี่ยนผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องการให้มีการตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดี หากว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย
ในหลายรัฐ ซึ่งรวมถึงจอร์เจียการใช้สิทธิ์ซ้ำสองครั้ง เป็นการกระทำผิดกฎหมายที่มีโทษสถานหนัก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหลายครั้งว่า การใช้สิทธิ์ทางไปรษณีย์ เปิดช่องให้มีการโกงการเลือกตั้ง ที่น่าจะให้ผลดีต่อคู่แข่งของเขา ซึ่งก็คือนายโจ ไบเดน แห่งพรรรคเดโมเเครตที่ กำลังการเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเช่นกัน
ขณะนี้มลรัฐ 5 แห่งในอเมริกาได้ใช้กระบวนการรองรับการลงคะเเนนทางไปรษณีย์ไปแล้ว และพบว่าเกิดการโหวตซ้ำ หรือสวมรอยลงคะเเนนแทนผู้อื่นในจำนวนน้อยเท่านั้น 5 รัฐดังกล่าวคือ โคโลราโด ฮาวาย โอเรกอน ยูทาห์ และวอชิงตัน
ทรัมป์ ยังได้เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนเขาลองพยายามโหวตซ้ำ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการโกงการเลือกตั้งด้วยวิธีนี้
กลุ่มผู้รณรงค์เรื่องสิทธิ์การเลือกตั้งกล่าวว่า ตามสถิติที่มีมา การโกงเลือกตั้งในสหรัฐฯเกิดขึ้นน้อยมาก และว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐจอร์เจีย ทำให้มีความสับสนที่น่าจะทำให้เจ้าหน้าที่นับคะเเนนผิดโดยการนับการใช้สิทธิ์ของประชาชนบางรายว่าเป็นการลงคะเเนนซ้ำ
ทั้งนี้ลักษณะของการโกงการเลือกตั้งมีหลายรูปแบบ โดยองค์กรอนุรักษ์นิยม Heritage Foundation จำเเนกการโกงการเลือกตั้งไว้ 9 ประเภท และที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือการโหวตโดยผู้ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้ใช้สิทธิ์ เช่น คนที่ไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน และผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอุกฉกรรจ์
นอกจากนั้นยังมีการโกงการเลือกตั้งด้วยการใช้สิทธิ์ทางไปรษณีย์โดยการสวมรอยเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตัวจริง การใช้เงินซื้อเสียง การใช้สิทธิ์ซ้ำ และการลงทะเบียนที่เป็นเท็จ เป็นต้น
ต่อคำถามที่ว่าการโกงการเลือกตั้งในอเมริกาเกิดขึ้นแพร่หลายมากเท่าใด ฐานข้อมูลของ Heritage Foundation ชี้ว่ามีการโกงการเลือกตั้งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นจริง 1,296 กรณี จากการใช้สิทธิ์หลายร้อยล้านครั้งของประชาชนสหรัฐฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992
ในจำนวนการโกงการเลือกตั้งดังกล่าว มีการถูกตัดสินว่ากระทำผิดทางอาญา 1,120 กรณี
เหตุการณ์เหล่านี้รวมถึง เมื่อสองปีก่อนที่มีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ที่คนของรีพับลิกันคนหนึ่งและบุคคลอื่นๆอีกในรัฐนอร์ธแคโรไลนา ถูกกล่าวหาว่าโกงบัตรลงคะเเนน แต่สถิติดังกล่าวไม่รวมถึงการที่มีชาวต่างชาติ 19 คน ถูกกล่าวหาว่าใช้สิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐฯ เมื่อ 4 ปี ก่อน
เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเนื่องจากมีคะเเนนเสียงจาก ‘คณะผู้เลือกตั้ง’ หรือ electoral college ซึ่งเป็นตัวแทนจากรัฐต่างๆ มากกว่า แม้ได้คะเเนนจากประชาชน หรือ popular vote น้อยกว่านางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่ง
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าในการเลือกตั้งครั้งนั้นมีการใช้สิทธิ์อย่างผิดกฎหมายที่สนับสนุนนางคลินตัน ถึง 5 ล้านใบ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการตรวจสอบที่เขาเป็นผู้แต่งตั้งมิได้เปิดเผยถึงหลักฐานที่สนับสนุนว่าเกิดการโกงการเลือกตั้งครั้งใหญ่ และการศึกษาหลายชิ้นของผู้เชี่ยวชาญอิสระและสื่อ ไม่พบหลักฐานว่ามีการโกงการเลือกตั้งอย่างแพร่หลาย
เมื่อปีที่แล้วเจ้าหน้าที่ในรัฐเท็กซัสสงสัยว่า มีชื่อของบุคคลเกือบ 100,000 ราย ที่เป็นไปได้ว่าอาจเป็นผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน อยู่ในทะเบียนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และในจำนวนนี้อาจมีคน 58,000 ราย ที่อาจใช้สิทธิ์เลือกตั้งไปแล้วในช่วง 22 ปีที่ผ่านมา แต่ทางรัฐยุติความพยายามตรวจสอบกรณีต้องสงสัยเหล่านี้เพราะเกิดการโต้แย้งทางกฎหมายขึ้น