ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่า ตนไม่พร้อมที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ หลังโพลล์หลายสายชี้ว่า ผู้มีสิทธิ์ใช้เสียงนิยม อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน มากกว่าผู้นำสหรัฐฯ มากขึ้นเรื่อยๆ
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าว ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนจะต้องขอคิดดูก่อน และจะไม่ขอตอบในเวลานี้ ว่า ตนจะยอมรับผลการเลือกตั้งหรือไม่ หลัง คริส วอลเลซ พิธีกรของรายการ อ้างถึงผลสำรวจความนิยมประชาชนและถามว่า ปธน.ทรัมป์ จะยอมรับความพ่ายแพ้ได้หรือไม่
ทีมงานหาเสียงของ อดีตรองปธน.ไบเดน ออกมาโต้คำสัมภาษณ์ของผู้นำสหรัฐฯ ทันที โดยระบุว่า “ชาวอเมริกันจะเป็นผู้ตัดสินผลการเลือกตั้งครั้งนี้ และรัฐบาลสหรัฐฯ ก็มีความสามารถพอที่จะพาตัวผู้ที่บุกรุกเข้ามาในทำเนียบขาวทั้งหลายให้ออกไปนอกพื้นที่โดยไม่ยาก”
นอกเหนือจากประเด็นการเลือกตั้งแล้ว ปธน.ทรัมป์ ยังวิจารณ์การที่ผู้บริหารกระทรวงกลาโหมสั่งเปลี่ยนชื่อฐานทัพต่างๆ ที่ใช้ชื่อผู้นำกองทัพฝ่ายสมาพันธรัฐในสมัยสงครามกลางเมือง จากเหตุกระแสต่อต้านการเหยียดผิว ที่ก่อตัวขึ้นหลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสี ระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯ ยังวิจารณ์ นายแพทย์แอนโธนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ว่าเป็น คนขี้ตกใจค่อนข้างง่าย ในกรณีของการระบาดของโควิด-19 พร้อมย้ำอีกครั้งว่า ตนเชื่อว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้จะ “อันตรธาน” ไปเอง และว่า ตนจะเป็นคนที่คาดการณ์ได้ถูกต้องในที่สุด