กระทรวงการคลังสหรัฐฯ รายงานยอดขาดดุลงบประมาณสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ 738,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้น และรายรับลดลงในช่วงการระบาดของโควิด-19
กระทรวงการคลังระบุว่า ตัวเลขขาดดุลงบประมาณในเดือนเมษายนสะท้อนให้เห็นการใช้จ่ายของรัฐบาลก้อนแรกในมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโคโรนาไวรัส
สำหรับตัวเลขยอดขาดดุลงบประมาณสะสมของรัฐบาลสหรัฐฯ ในปีงบประมาณนี้ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน อยู่ที่ระดับเกือบ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจากปีงบประมาณที่แล้ว
เมื่อเดือนมีนาคม รัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติงบประมาณ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 3 ล้านล้านดอลลาร์ในเวลาต่อมา
และในวันเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า ราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากความต้องการน้ำมัน ภาคบริการ และภาคการท่องเที่ยว ลดลงในช่วงการระบาดของโควิด-19
รายงานชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดลง 0.8% ในเดือนเมษายน จากที่ลดลงไปแล้ว 0.4% ในเดือนมีนาคม ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2008 ในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ ที่เรียกว่า วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ หรือวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
การลดลงครั้งนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดภาวะเงินฝืดในสหรัฐฯ ในขณะที่เศรษฐกิจอเมริกันกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาสนี้ ซึ่งถือว่ายิ่งสร้างความยากลำบากในการระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากผู้บริโภคและภาคธุรกิจต่างไม่ต้องการใช้จ่ายหรือลงทุนในช่วงเวลานี้