มูลค่าการส่งออกเนื้อสัตว์จากสหรัฐฯ ไปจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดในประเทศอยู่ในภาวะขาดแคลน และคนงานของโรงงานผลิตเนื้อสัตว์มากมายล้มป่วยเพราะการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ผู้นำเข้าเนื้อสัตว์ในจีนเร่งนำเข้าผลิตภัณฑ์จากทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา หลังประชากรหมูในประเทศล้มตายเป็นจำนวนมากเพราะโรคระบาด ทำให้ราคาเนื้อหมูของจีนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สถานการณ์ในจีนทำให้ผู้ซื้อต้องยอมซื้อเนื้อหมูของสหรัฐฯ ในราคาที่ผู้นำเข้าในประเทศอื่น และผู้ซื้อในสหรัฐฯ เอง มาตั้งแต่ปลายปี 2019
เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจตามกฎหมายที่เรียกว่า Defense Production Act ออกคำสั่งให้โรงงานผลิตเนื้อสัตว์เปิดทำการเพื่อไม่ให้อุปทานในประเทศหดหาย แม้บริษัทผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Smithfield Foods ซึ่งเป็นผู้ผลิตหมูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและมีบริษัท WH Group ของจีนเป็นเจ้าของ และบริษัท Tyson Foods ต้องประกาศปิดโรงงานราว 20 แห่งในประเทศไป เพราะลูกจ้างนับพันของบริษัทเหล่านี้ติดเชื้อโควิด-19
หลังได้รับคำสั่งจากทำเนียบขาว โรงงานบางแห่งเริ่มเปิดสายการผลิตอีกครั้ง แต่คนงานที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อการระบาดตัดสินใจไม่มาทำงานต่อไป และวิลล์ ซอว์เยอร์ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร CoBank ให้ความเห็นว่า จุดนี้อาจส่งผลให้จำนวนเนื้อสัตว์ในซุปเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐฯ หดหายไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ และผู้บริโภคน่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
และขณะที่จำนวนหมูที่ถูกเชือดในสหรัฐฯ ลดลงไปแล้ว 40 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์หมูไปจีนกลับเพิ่มขึ้นถึงกว่า 4 เท่า
รอยเตอร์ส ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เองไม่ได้คาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ หลังลงนามข้อตกลงการค้ากับจีนเมื่อเดือนมกราคม และจีนสัญญาว่าจะเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของสหรัฐฯ ให้มีเพิ่มอย่างน้อย 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2020 ก่อนจะขึ้นเป็น 1.95 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2021 โดยมูลค่าการซื้อของจีนในปี 2017 นั้นอยู่ที่ 2.4 ล้านดอลลาร์
