รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า ขณะนี้ประเทศที่อยู่ในรายชื่อ "ผู้ดื้อรั้น" ที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อรับการส่งตัวบุคคลที่เคยเป็นพลเมืองของตน กลับไปจากสหรัฐฯ นั้น ลดจำนวนลงจากเดิม 23 ประเทศ เหลือเพียง 9 ประเทศ
ก่อนหน้านี้มีมากกว่า 10 ประเทศที่ยอมตกลงหลังการเจรจาเพื่อให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการรับตัวพลเมืองของตนกลับประเทศ และเรื่องนี้จะเป็นผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถส่งตัวบุคคลต่างๆ ราวหนึ่งแสนคน กลับประเทศถิ่นฐานเดิมของตนได้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงที่สหรัฐฯ ทำขึ้นกับประเทศต่างๆ เพื่อให้ประเทศเหล่านี้ยอมรับการส่งตัวกลับบุคคลที่ทางการสหรัฐฯ ไม่ต้องการ หรือไม่พึงประสงค์ให้อยู่ในประเทศอีกต่อไป
ตามข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว มี 9 ประเทศที่อยู่ในรายชื่อประเทศ "ผู้ดื้อรั้น" คือไม่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งลดลงจาก 23 ประเทศในสมัยประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า
แต่มี 4 ประเทศซึ่งอยู่ในรายชื่อของทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ โดย 4 ประเทศนี้ คือ คิวบา จีน เอริเทรีย และ อิหร่าน ที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการรับตัวพลเมืองของตนกลับคืนประเทศ
ส่วนอีก 5 ประเทศที่รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่มชื่อเข้าไปในฐานะประเทศผู้ไม่ยอมให้ความร่วมมือดังกล่าวได้แก่ กัมพูชา ฮ่องกง ลาว เมียนม่า และเวียดนาม
โดยปกติแล้ว บุคคลใดก็ตามที่อยู่ในสหรัฐฯ อาจไม่เป็นที่ต้องการและอยู่ในข่ายถูกเนรเทศ หรือถูกส่งตัวกลับประเทศเดิมของตนได้ หากบุคคลนั้นเป็นพลเมืองของต่างประเทศซึ่งละเมิดเงื่อนไขของวีซ่าเข้าสหรัฐฯ เป็นบุคคลที่ไม่มีเอกสารเข้าประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือถูกศาลสหรัฐฯตัดสินว่ามีความผิดในอาชญากรรม
โดยหากบุคคลนั้นถูกตัดสินในคดีอาชญากรรม กระบวนการส่งตัวกลับประเทศหรือ deportation นี้ มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่รับโทษในคุกของสหรัฐฯ แล้ว
แต่ถ้าบุคคลดังกล่าวถูกควบคุมตัวไว้จากการฝ่าฝืนกฎระเบียบเรื่องการเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ก็อาจควบคุมตัวไว้ได้ 180 วัน เพื่อดำเนินกระบวนการส่งตัวกลับประเทศเหล่านี้ต่อไป