หลังจากกลับจากพักร้อนในช่วงซัมเมอร์ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า รัฐสภาสหรัฐฯ จะต้องพิจารณาการปรับขึ้นเพดานหนี้สาธารณะ 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 380 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่บีบคั้น ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทำเนียบขาวเตรียมผลักดันการขยายเพดานหนี้แบบไร้เงื่อนไข ที่ถูกพับไปหลายต่อหลายครั้งในยุคของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขณะที่ ส.ส. ฝั่งรีพับลิกันสายเหยี่ยว เร่งรัดให้มีการตัดงบประมาณ และมีวินัยทางการคลังมากกว่าเดิม
โดย Tom Cole ส.ส. รัฐโอกลาโฮมา จากพรรครีพับลิกัน มองว่า การขยายเพนดานหนี้แบบไม่มีเงื่อนไข เหมือนกับการให้บัตรเครดิตภาครัฐ และขอเพิ่มวงเงินบัตรโดยไม่คิดจะปรับพฤติกรรมการใช้เงินเลย
นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ มองว่า การพิจารณาขยายเพดานหนี้รอบนี้ สะท้อนความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครตกับรีพับลิกัน ที่ฝ่ายเดโมแครตกล่าวหาว่า พรรครีพับลิกันนำเศรษฐกิจประเทศเป็นตัวประกันในการต่อรองขยายเพดานหนี้ภาครัฐ
นอกจากนี้ ยังพบความแตกแยกภายในพรรคด้วยกันเอง เพราะส.ส.จากฝั่งเดโมแครตบางราย ยังสนับสนุนให้มีการปรับลดอัตราภาษีเสียเอง
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2011 ความยืดเยื้อในการพิจารณาขยายเพดานหนี้ ทำให้สหรัฐฯถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงด้วย