ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สหรัฐฯ หวั่นปชช.การ์ดตกช่วงหน้าร้อน ดันยอดติดโควิดพุ่งหลายรัฐ


Kids and adults cool off in a fountain on the Rose Kennedy Greenway on the first day of a forecasted summer heatwave in Boston, Massachusetts, U.S., July 19, 2019. REUTERS/Brian Snyder
Kids and adults cool off in a fountain on the Rose Kennedy Greenway on the first day of a forecasted summer heatwave in Boston, Massachusetts, U.S., July 19, 2019. REUTERS/Brian Snyder

หลังจากสถานการณ์เกี่ยวกับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในพื้นที่บางรัฐของสหรัฐฯ ดูไม่น่ากังวลในช่วงแรกของการระบาดใหญ่ทั่วโลก มีรายงานว่าตัวเลขผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสนี้เริ่มพุ่งขึ้นแล้ว ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนกลัวว่า การผ่อนคลายมาตรการรับมือโควิด-19 ต่างๆ ในช่วงฤดูร้อนอาจยิ่งทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากเริ่มลดความระมัดระวังยิ่งขึ้น

หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ หลังช่วงวันหยุด Memorial Day เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในหลายรัฐเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อประชาชนสามารถออกมาใช้ชีวิตข้างนอกบ้านได้ ภายหลังจากคำสั่ง Stay-at-Home ยุติลงเมื่อราว 1 เดือนก่อนหน้านั้น และขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเริ่มออกมาเตือนประชาชนให้ยังคงระวังตัวในการดำเนินชีวิต ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ต่อไป

ดร. มาร์ค บูม ซีอีโอ ของ เครือข่ายโรงพยาบาล Houston Methodist เปิดเผยว่า มีปัจจัยบ่งชี้มากมายที่เริ่มทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกังวลกับภาวการณ์ระบาดของโควิด-19 ทั้งจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งตัวเลขสัดส่วนผู้ติดเชื้อจากผู้ที่เข้ารับการทดสอบที่พุ่งขึ้น

เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐแอริโซนา ออกคำเตือนไปยังโรงพยาบาลทั่วรัฐ ให้ดำเนินแผนงานฉุกเฉินเนื่องจากจำนวนผู้ป่วยในห้องไอซียูเพิ่มขึ้นมากจนถึงระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ของความสามารถในการรับผู้ป่วยอาการหนักแล้ว ส่วนรายงานจากรัฐเท็กซัสระบุว่า ตัวเลขผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วติดต่อกันเป็นเวลา 3 วันที่ระดับวันละกว่า 2,000 คน เป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้ ขณะที่โรงพยาบาลในรัฐยูทาห์มีรายงานการรับผู้ป่วยต่อวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2 ครั้งแล้วนับตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมเป็นต้นมา

ข้อมูลจาก มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ณ เที่ยงวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ระบุว่า มีชาวอเมริกันติดเชื้อโควิด-19 แล้วกว่า 2 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในประเทศอยู่ที่กว่า 113,000 คน

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สถานการณ์ในรัฐเหล่านี้แล้วเชื่อว่า การเพิ่มจำนวนของผู้ป่วยนั้นเกี่ยวเนื่องกับการที่สหรัฐฯ ได้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ที่ผู้คนนิยมออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านเพื่อพักผ่อนตามแหล่งท่องเที่ยวและรีสอร์ทต่างๆ และบางคนแสดงความสงสัยว่า การพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ป่วยอาจจะเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐที่อนุญาตให้ภาคธุรกิจเริ่มเปิดทำการหลังสถานการณ์ทั่วๆ ไปดูไม่น่ากังวลเป็นเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าวอาจเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดๆ ให้ประชาชนเข้าใจว่า ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว

โจเซฟ ลิวนาร์ด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรระบาดวิทยา จากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ให้ความเห็นว่า รัฐต่างๆ ที่มีการระบาดรุนแรงขึ้นในช่วงเร็วๆ นี้ คือพื้นที่ที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อรุนแรงในช่วงแรกๆ ที่การระบาดของโควิด-19 ขยายตัวในสหรัฐฯ ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้ตื่นตัวกับการรับมือมากนัก

และขณะที่ผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องในรัฐเหล่านี้ เร่งออกมาให้ความมั่นใจกับประชาชนแล้วว่า จะสามารถรับมือกับสถานการณ์การระบาดได้ บางฝ่ายยอมรับว่า ไม่แน่ใจว่า หากการระบาดลุกลามหนัก โรงพยาบาลในพื้นที่จะรับมือได้นานเพียงใด

เกร็ก แอบบ็อตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เป็นหนึ่งในผู้ที่ออกมายอมรับว่า ตนเองมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ แต่ย้ำว่ายังไม่ถึงกับตื่นตระหนก

นอกจาก เท็กซัส แอริโซนา และยูทาห์แล้ว รัฐอื่นๆ ที่เริ่มมีสัญญาณการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อโควิด-19 คือ รัฐแอละแบมา ที่รายงานตัวเลขผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อวันเพราะสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วนรัฐอาร์คันซอ รายงานตัวเลขผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเท่าตัวและตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่รัฐเซาธ์ แคโรไลนา เปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน รัฐที่เคยเป็นพื้นที่ระบาดหนักและเลือกที่จะผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ช้ากว่าที่อื่น เช่น รัฐนิวยอร์ก มีรายงานว่าจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลลดลงไปแล้ว

XS
SM
MD
LG