หน่วยงานพิทักษ์สัตว์ เรียกร้องให้ยุติการจำหน่ายสัตว์ป่าอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งอาจเป็นต้นตอของการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่
การสำรวจโดยกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wildlife Fund) และบริษัทที่ปรึกษา GlobeScan ลงพื้นที่สำรวจการจำหน่ายสัตว์ป่าอย่างผิดกฏหมายในเอเชียตะวันออก และผลักดันข้อเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นจัดการกับตลาดสดที่จำหน่ายสัตว์ป่าอย่างผิดกฏหมายที่แพร่หลายในกลุ่มประเทศเหล่านี้
การศึกษานี้ สอบถามผู้คน 5,000 คน ในฮ่องกง ญี่ปุ่น เมียนมา ไทย และเวียดนาม พบว่า 90% ของผู้คนในการสำรวจมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนรัฐบาลให้ปิดตลาดจำหน่ายสัตว์ป่าโดยผิดกฏหมาย
แมตต์ ฮันท์ ประธานฝ่ายบริหารขององค์กรพิทักษ์สัตว์ Save the Bears ในกัมพูชา ระบุว่า การบริโภคสัตว์ป่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมายาวนาน และการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องใช้เวลาและอาศัยแรงผลักดันจากฝ่ายการเมือง ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 ปีในการผลักดันให้เป็นกฏหมายได้
80% ในการสำรวจเชื่อว่ามาตรการปิดตลาดค้าสัตว์ป่าจะช่วยป้องกันโรคระบาดในอนาคตได้ และราว 9% ของผู้ที่อยู่ในการศึกษานี้ บอกว่า รู้จักคนที่ซื้อสัตว์ป่าอย่างผิดกฏหมายในช่วง 1 ปี และ 38% เชื่อว่า ตลาดค้าสัตว์ป่าเป็นสาเหตุสำคัญของการระบาดของโคโรนาไวรัส ส่วน 63% เชื่อว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้โควิด-19 ระบาด
ด้านเดวิด โอลเซน ผู้อำนวยการฝ่ายอนุรักษ์สัตว์ป่าของ WWF บอกว่า นก เป็นสัตว์ป่าที่จำหน่ายอย่างผิดกฏหมายมากที่สุด ตามมาด้วย งู ค้างคาว ชะมด ตัวนิ่ม และเต่า
โดยนักวิจัยจีนต่างมองว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจมาจากการรักษาโดยแพทย์แผนจีนที่ใช้มูลค้างคาวเป็นยารักษาโรคตา