สหรัฐฯ จับตารัฐฟลอริดา แอริโซนา และเท็กซัส ที่พบการระบาดพุ่งสูงหลายพันรายต่อวัน ด้านทีมวิจัยปรับประมาณการณ์ยอดเสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ อาจทะลุ 2 แสนรายในเดือนตุลาคมปีนี้
เว็บไซต์ CNBC รายงานว่า เฉพาะในรัฐเท็กซัส มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลพุ่งสูง 11% ที่กว่า 2,700 คน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ในวันพุธ ตามข้อมูลของสำนักงานด้านสาธารณสุขของรัฐเท็กซัส ซึ่งทางหน่วยงานสาธารณสุขรัฐเท็กซัสได้เตือนประชาชนให้สวมหน้ากาก ล้างมือ และรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อไป
นับตั้งแต่ 25 พฤษภาคม รัฐเท็กซัสมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นถึง 84% และเป็นการปรับเพิ่มต่อเนื่องตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังการเปิดเศรษฐกิจ แต่ทางผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เกรก แอบบอตต์ ยืนยันว่ามีเตียงคนไข้รองรับผู้ป่วยเพียงพอ และว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาจากการแจกจ่ายอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ด้าน CNN รายงานว่า รัฐเท็กซัส แอริโซนา และฟลอริดา เป็นหนึ่งใน 21 รัฐทั่วอเมริกา ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในทิศทางขาขึ้น โดยฟลอริดา มีผู้ติดเชื้อใหม่เกือบ 2,800 รายในวันจันทร์เพียงวันเดียว แต่ทางผู้ว่าการรัฐฟลอริดายืนกรานว่าจะไม่ปิดเมืองเพื่อสกัดกั้นการระบาดอีกครั้ง ส่วนรัฐแอริโซนา พบผู้ติดเชื้อใหม่ทำสถิติสูงสุดในวันอังคารอีกเช่นกัน
ในการสำรวจพบอีก 21 รัฐในอเมริกา มีอัตราการติดเชื้อในทิศทางขาลง และมีเพียง เวอร์มอนต์ เป็นรัฐเดียวในอเมริกาที่มีสัดส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงกว่า 50%
ด้านการสำรวจจากสถาบัน IHME ของ University of Washington ซึ่งเป็นรูปแบบการวิเคราะห์ทิศทางโควิด-19 ที่ทางทำเนียบขาวใช้อ้างอิง ได้ปรับประมาณการณ์ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 โดยคาดว่าจะทะลุ 2 แสนรายในเดือนตุลาคม และว่าอเมริกาจะเข้าสู่การระบาดระลอก 2 ช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ แต่ตอนนี้ถือว่าสหรัฐฯยังไม่หลุดพ้นจากการระบาดระลอกแรก
ตอนนี้สหรัฐฯ มียอดติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 2 ล้านราย เสียชีวิตเกือบ 1.2 แสนคน ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์