ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี ByteDance เจ้าของสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยม TikTok ยืนยันว่า กำลังหาแนวทางและวิธีต่าง ๆ ที่จะทำให้ TikTok สามารถใช้งานในสหรัฐฯ ได้ต่อไป ตามคำกล่าวของนายจาง ยี่หมิง (Zhang Yiming) ซีอีโอของบริษัท
เวลานี้ ByteDance กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลกรุงวอชิงตันให้ขายแอพพ์ TikTok ในสหรัฐฯ ให้แก่บริษัทอเมริกันเพื่อให้สามารถเปิดบริการในสหรัฐฯ ได้ต่อไป สืบเนื่องจากความกังวลของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ByteDance อาจมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลกรุงปักกิ่ง ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อข้อมูลของพลเมืองอเมริกันที่อยู่ในสื่อสังคมออนไลน์นี้
นายจาง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ByteDance เมื่อปี ค.ศ.2012 กล่าวว่า ทีมงานของเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และยืนยันว่ากำลังมีการเจรจากับบริษัทเทคโนโลยีอเมริกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุป และมิได้ระบุว่าเป็นบริษัทไมโครซอฟท์
ในบันทึกที่ซีอีโอของ ByteDance ผู้นี้ส่งให้กับพนักงานบริษัท ระบุว่า ภายใต้สภาวะการณ์ทางการเมืองโลกในปัจจุบันซึ่งมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทางบริษัทจึงอาจจำเป็นต้องขายกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ หรืออาจต้องเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกห้ามบริการในตลาดสหรัฐฯ ได้
เมื่อวันอาทิตย์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ กล่าวกับสถานีข่าว Fox News ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะตัดสินใจในอีกไม่กี่วันนี้เรื่องการห้ามใช้แอพพ์ TikTok ในสหรัฐฯ
ด้านบริษัทไมโครซอฟท์ ระบุในวันอาทิตย์ว่า ซีอีโอของไมโครซอฟท์ได้หารือกับประธานาธิบดีทรัมป์เรื่องการซื้อกิจการดังกล่าว และทางไมโครซอฟท์ได้เตรียมการเจรจาในขั้นต่อไปกับ ByteDance ถึงความเป็นไปไปได้ในการซื้อ TikTok แล้ว
และในวันจันทร์ สื่อนิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวที่ทำเนียบขาวว่าจะให้เวลาบริษัท ByteDance จนถึงวันที่ 15 กันยายน ในการเจรจาเพื่อให้ไมโครซอฟท์หรือบริษัทอเมริกันรายอื่นซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ ไม่เช่นนั้นจะสั่งห้ามใช้ TikTok ในสหรัฐฯ หากไม่สามารถมีข้อตกลงซื้อกิจการได้
ถือเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีการห้ามใช้ TikTok ในสหรัฐฯ โดยผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังจะต้องได้เงินจำนวนมากจากข้อตกลงซื้อ TikTok นี้ด้วย แต่มิได้อธิบายว่าจะได้เงินดังกล่าวมาอย่างไร
ปัจจุบัน TikTok ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และมีสมาชิกในอเมริการาว 100 ล้านคน ซึ่งสร้างความกังวลต่อทำเนียบขาวและรัฐสภาอเมริกันว่าข้อมูลของพลเมืองสหรัฐฯ เหล่านั้นอาจถูกแบ่งปันให้กับรัฐบาลกรุงปักกิ่ง แม้ทางผู้บริหารของ TikTok ยืนยันมาตลอดว่าไม่เคยแชร์ข้อมูลกับรัฐบาลจีนก็ตาม
นักวิเคราะห์เชื่อว่า หากข้อเสนอของไมโครซอฟท์ในการซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ลุล่วง จะทำให้ไมโครซอฟท์กลายเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่เทียบเท่ากับคู่แข่งอย่าง เฟสบุ๊ค หรือ สแน็พแชทได้ โดยราคาหุ้นของไมโครซอฟท์พุ่งขึ้นเกือบ 3% ในช่วงเปิดตลาดวันจันทร์ สืบเนื่องจากข่าวนี้
