รายงานฉบับใหม่ประเมิณว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ป่วยเป็นโรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดบาง หลังมีการปรับเกณฑ์วัดอาการความดันโลหิตสูงใหม่
สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกัน กล่าวว่า ผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นโรคหัวใจมากกว่า 121 ล้านคนในปี พ.ศ. 2559
ถ้าไม่นับผู้ที่มีอาการความดันโลหิตสูง ประชากรราว 24 ล้านคนหรือ 9% มีอาการเจ็บป่วยอื่นๆ เช่น มีอาการหัวใจล้มเหลว หรือหลอดเลือดอุดตัน
แพทย์หญิง Mariell Jessup หัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของสมาคมโรคหัวใจ กล่าวว่า การตรวจวัดความรุนแรงของโรค จะแสดงให้เห็นว่ามีจุดไหนบ้างที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุง
ก่อนหน้านี้อาการความดันโลหิตสูง คือการที่ค่าความดันตัวบนอยู่ที่ 140 เป็นอย่างน้อย และค่าความดันตัวล่างอยู่ที่ 90 หรือมากกว่านั้น
แต่หลังจากที่ใช้แนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ฉบับใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2560 ระดับความดันเฉลี่ยที่ 130/80 ถือว่ามีอาการความดันสูง
การใช้ค่าใหม่ทำให้คนใส่ใจถึงความเสี่ยงจากความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นที่มาของอาการหัวใจวาย อาการเส้นเลือดอุดตันในสมอง ตลอดจนปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกมากมาย และมีเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ที่มีอาการเหล่านี้ที่สามารถควบคุมอาการไว้ได้
การที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้ยาในทันที ขั้นตอนแรก คือการตั้งเป้าหมายในการดำเนินชีวิตอย่างถูกสุขลักษณะ และสำหรับผู้ที่ใช้ยาก็ควรตั้งเป้าหมายแบบนี้ด้วยเช่นเดียวกัน การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย และพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เป็นสาเหตุของอาการความดันโลหิตสูงถึง 90%
รายงานดังกล่าวเป็นรายงานสถิติประจำปีที่ได้รับการปรับให้ทันสมัยโดยสมาคมโรคหัวใจ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และสถาบันอื่นๆ
ทั้งนี้โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชากรสหรัฐฯ 1 คนในทุกๆ 3 คน และคร่าชีวิตชาวอเมริกันมากกว่าโรคมะเร็งทุกชนิด และโรคระบบทางเดินหายใจต่างๆ เช่น โรคปอดบวมมารวมกัน