ในปีที่แล้ว มีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพเดินทางโดยเรือไปยังยุโรปมากกว่าหนึ่งล้านคน ในจำนวนนี้ ราวๆ 850,000 คนขึ้นเรือข้ามทะเล Aegean จากตุรกีเข้าไปในประเทศกรีซ และจากนั้นเดินทางข้ามคาบสมุทร Balkan เข้าไปขอลี้ภัยในประเทศออสเตรีย เยอรมนี สวีเดน และประเทศอื่นๆ
แต่บางประเทศในยุโรปปิดประตูไม่รับ และบางประเทศก็ออกมาตรการต่างๆเพื่อกีดกั้น ล่าสุดคือเดนมาร์ก ซึ่งมีกฎหมายใหม่ออกมาเมื่อวันอังคาร อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดทรัพย์สินมีค่าของผู้แสวงหาที่ลี้ภัยได้ ถ้าทรัพย์สินดังกล่าวมีค่ามากกว่า $1,400 หรือราวๆห้าหมื่นบาท
นอกจากนี้ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพจะต้องรอเป็นเวลานานถึงสามปี เทียบกับหนึ่งปีก่อนหน้านี้ สำหรับการยื่นคำร้องขออนุญาตให้ญาติพี่น้องเดินทางมาอยู่ร่วมกับตนได้
Adrian Edwards โฆษกของสำนักงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ ไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกหวั่นกลัวและก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ แทนที่จะส่งเสริมเอกภาพในหมู่ผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือคุ้มครอง
เจ้าหน้าที่สหประชาชาติผู้นี้กล่าวเตือนไว้ด้วยว่า การให้ครอบครัวได้อยู่ร่วมกันเป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นภาระผูกพันที่เดนมาร์กต้องปฏิบัติตามด้วย
การเดินทางอพยพเข้ายุโรปโดยผู้คนจำนวนมากเช่นนั้น ก่อปัญหาเป็นอย่างมากให้กับหลายประเทศในยุโรป และบรรดาองค์กรทางด้านมนุษยธรรมคาดการณ์ว่า จะมีจำนวนผู้ลี้ภัยและผู้อพยพเข้ายุโรป มากกว่าหรือพอๆกันในปีใหม่นี้
โฆษกของสำนักงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติให้ความเห็นว่า ถ้าจะทำงานในปีนี้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จะต้องมีทั้งการให้ความช่วยเหลือและความคุ้มครอง
เจ้าหน้าที่สหประชาชาติผู้นี้อธิบายว่า จะต้องจัดกลุ่มผู้ที่อยู่ในข่ายความเสี่ยงสูง ขึ้นทะเบียนไว้ ให้ที่พักอาศัย และบริการสุขาภิบาล ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือครั้งใหญ่ และเพิ่มสมรรถนะให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ตอบสนองเป็นด่านแรก กล่าวคือ เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่ง ตำรวจ ตำรวจชายแดน รวมทั้งให้การสนับสนุนชุมชนต่างๆที่ได้รับความกระทบกระเทือนด้วย
สำนักงานผู้ลี้ภัยและองค์กรต่างๆกำลังเรียกร้องเงิน 550 ล้านดอลลาร์ เพื่อทำงานให้ได้ตามเป้าหมายนี้ แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะได้เงินจำนวนนี้หรือไม่
เมื่อสองสามเดือนที่แล้ว ชาติภาคีของสหภาพยุโรป หรือ EU ได้ทำความตกลงที่จะแบ่งผู้ลี้ภัย 160,000 คนอย่างเท่าเทียมกัน แต่จนถึงขณะนี้มีผู้ลี้ภัยจำนวนน้อยมากที่ได้โยกย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐานตามข้อตกลงนี้