ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ยูเนสโก ขึ้นทะเบียน ‘เรือไม้โบราณยุคไวกิ้ง’ เป็นมรดกโลก


An 11th century, 15-meter Viking ocean-going trading vessel, built in the Nordic clinker boat tradition, sits on display at the Viking Ship Museum. Roskilde, Denmark, Jan. 17, 2022.
An 11th century, 15-meter Viking ocean-going trading vessel, built in the Nordic clinker boat tradition, sits on display at the Viking Ship Museum. Roskilde, Denmark, Jan. 17, 2022.
UNESCO List Clinker Vikings World Heritage
please wait

No media source currently available

0:00 0:03:43 0:00


เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ยูเนสโก ซึ่งเป็นหน่วยงานทางด้านวัฒนธรรมขององค์การสหประชาชาติได้ขึ้นทะเบียนให้เรือ ‘คลิงเกอร์’ (clinker) ของชาวนอร์ดิกแทบสแกนดิเนเวียเป็นมรดกโลกในหมวดองค์ความรู้ Intangible Cultural Heritage โดย เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน ล้วนเป็นประเทศที่ร่วมรับการยกย่องนี้จากยูเนสโก

สำนักข่าวเอพีอธิบายว่า ศัพท์คำว่า ‘คลิงเกอร์’ นั้น เป็นคำที่ใช้อธิบายการทับซ้อนกันของตัวแผ่นไม้เรือ

โดยสำหรับเรือ ‘คลิงเกอร์’ นั้น ช่างต่อเรือจะเสริมความแข็งแรงจากภายด้านในของลำเรือด้วยการใส่ส่วนประกอบจากไม้ เช่น ต้นโอ๊ค ที่บริเวณโครงเรือ ส่วนช่องว่างต่างๆจะได้รับการอุดด้วยน้ำมันดินหรือไขมันสัตว์ที่ผสมกับขนสัตว์และหญ้ามอส

ผู้สนับสนุนการยกย่องภูมิปัญญาการสร้าง ‘คลิงเกอร์’ ให้เป็นมรดกโลก ต่างหวังว่าจะช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมการต่อเรือต่อไป เนื่องจากช่างต่อเรือ ‘คลิงเกอร์’ มีจำนวนลดน้อยลง และชาวประมงยุคปัจจุบันก็ได้หันไปใช้เรือที่ผลิตจากใยแก้วแทน

โซเร็น นีลเส็น หัวหน้าการเก็บรักษาเรือที่พิพิธภัณฑ์ Viking Ship Museum ที่เมือง Roskilde ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตะวันออกของกรุงโคเปนเฮเกนในประเทศเดนมาร์ก กล่าวกับเอพีว่า “เราเห็นว่าทักษะการต่อเรือ ทักษะการล่องเรือ และภูมิปัญญาของคนขับเรือ…ได้เลือนลางหายไป” เพราะตอนนี้ มีเพียงช่างต่อเรือ ‘คลิงเกอร์’ ราว 20 คนในเดนมาร์กหรือเพียง 200 คนทั่วบริเวณยุโรปตอนเหนือเท่านั้น

An 11th century, 14-meter Viking coastal trading vessel, sits on display at the Viking Ship Museum. Roskilde, Denmark, Jan. 17, 2022.
An 11th century, 14-meter Viking coastal trading vessel, sits on display at the Viking Ship Museum. Roskilde, Denmark, Jan. 17, 2022.

พิพิธภัณฑ์ข้างต้นนั้นไม่ได้จัดแสดงเพียงแค่ซากเรือไม้ไวกิ้งแบบ ‘คลิงเกอร์’ จำนวน 5 ลำที่ถูกต่อมาเป็นด้วยเวลากว่าหนึ่งพันปีแล้วเท่านั้น แต่มีการลงมือต่อและซ่อมเรือของไวกิ้งแบบอื่นๆด้วย ซึ่งวิธีการต่อเรือนั้นต้องอาศัยความเข้าใจและการพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมในยุคไวกิ้งโบราณ เช่น ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเรือและจำนวนผู้โดยสาร

ทางด้าน ทรีโอน่า โซเร็นเซ็น ซึ่งทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ที่ Viking Ship Museum อธิบายว่า “การสร้างเรือด้วยการทับซ้อนกันของแผ่นไม้ ลำเรือจะมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงมากในเวลาเดียวกัน”

และแม้เทคนิคที่มีเอกลักษณ์ข้างต้นนี้จะปรากฎขึ้นครั้งแรกในยุคสัมฤทธิ์ (Bronze Age) แต่ยุคที่เรือประเภทนี้เฟื่องฟูที่สุดคือยุคไวกิ้ง เนื่องจากในช่วงปี ค.ศ. 793 ถึง 1066 ซึ่งก็คือตอนที่ชาวไวกิ้งทำการโจมตี ล่าอนานิคมและค้าขายทั่วยุโรปจนถึงอเมริกาตอนเหนือนั่นเอง

ความเบา ความแข็งแรง และความพลิ้วไหวของเรือประเภทดังกล่าวจึงถือเป็นเครื่องพิสูจน์กาลเวลาในความสำเร็จของชาวไวกิ้งและได้ปูพื้นฐานในการสร้างอาณาจักรต่างๆ ทั่วดินเเดนเดนมาร์ก นอร์เวย์ และ สวีเดน

ในปัจจุบัน ผู้คนสามารถสัมผัสวัฒนธรรมเรือ ‘คลิงเกอร์’ ในยุโรปตอนเหนือได้ตามงานเทศกาลหรือประเพณีแข่งเรือต่างๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าวัตถุประสงค์ของเรือประเภทนี้ต่างไปจากเมื่อพันกว่าปีก่อนมาก

ในขณะนี้ ชุมชน และถิ่นฐานวัฒนธรรมกว่า 200 แห่ง ลงชื่อรับการเสนอชื่อให้ ‘คลิงเกอร์’ เป็นมรดกโลก

นอกจากนี้ ยูเนสโกได้มอบหมายให้ประเทศทางยุโรปตอนเหนือมีหน้าที่ตรวจเช็คสภาพเรือเพื่อให้ภูมิปัญญานี้ ได้รับการสืบสานทางวัฒนธรรมต่อไป

  • ที่มา: เอพี
XS
SM
MD
LG