รายงานชิ้นใหม่จากองค์การอนามัยโลกเตือนว่าเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนคนที่เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อชนิดต่างๆ ทั่วโลก หรือประมาณ 16 ล้านคนเสียชีวิตก่อนวัยหรือก่อนอายุ 70 ปี ผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเหล่านี้ส่วนมากเป็นคนในประเทศกำลังพัฒนา
องค์การอนามัยโลกชี้ว่าการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อ อาทิ โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวานและโรคปอดเรื้อรัง ได้เพิ่มขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2543 โดยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับแปซิฟิกตะวันตกและคาดว่าเมื่อถึงปีพุทธศักราช 2563 จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีป อาฟริกา องค์การอนามัยโลกรายงานว่าประเทศเหล่านี้ยังขาดความพยายามในแก้ปัญหานี้
Dr. Margaret Chan ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวในที่ประชุมสหประชาชาติเมื่อเร็วๆ นี้ว่าโรคอ้วนในเด็กที่กำลังเป็นปัญหาทั่วโลกในปัจจุบัน ถือเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่จะเกิดจากโรคไม่ติดต่อที่จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นในอนาคต
Dr. Chan ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าจำนวนเด็กที่เป็นโรคอ้วนที่เพิ่มมากขึ้นจะหมายถึงการมีผู้ใหญ่ที่เสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และจะกลายเป็นภาระทางการเงินในการดูแลรักษาที่จะหนักหนาจนแม้แต่ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดก็จะไม่สามารถแบกรับได้ Dr. Chan ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าการลดจำนวนเด็กที่เป็นโรคน้ำหนักตัวเกินลงจะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อที่ต้นตอของโรค
รายงานขององค์การอนามัยโลกนี้ได้แจกแจงข้อมูลทางตัวเลขที่แยกย่อยออกเป็นแต่ละประเทศและย้ำว่าทางการในแต่ละประเทศตระหนักถึงปัญหาโรคไม่ติดต่อต่างๆ โดยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประเทศเหล่านี้ได้จัดทำแผนงานและงบประมาณขึ้นมาเพื่อจัดการกับปัญหาทางสุขภาพนี้แล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังเฝ้าระวังดูปัจจัยเสี่ยงหลักๆ อีกหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อ อาทิ การดื่มอัลกอล์ฮอล การสูบบุหรี่ การบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายและการขาดการออกกำลังกาย
ทางการของประเทศต่างๆ กว่าครึ่งโลกได้ลงนามในแผนปฏิบัติการระดับทั่วโลกขององค์การอนามัยโลกเพื่อลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรจากโรคไม่ติดต่อให้ลดลงอย่างน้อย 1 ใน 4 ภายในปีพุทธศักราช 2568
Dr. Chan ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าการป้องกัน การวินิจฉัยโรคไม่ติดต่อแต่เนิ่นๆ และการรักษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวนี้
Dr. Chan กล่าวว่าการวินิจฉัยโรคและการบำบัดโรคแต่เนิ่นๆ จะเป็นวิธีการป้องกันปราการที่สองที่จะช่วยป้องกันอาการหัวใจวาย อาการไตวาย ตลอดจนการสูญเสียสายตาอย่างถาวรกับอวัยวะแขนขาจากโรคเบาหวาน
