ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ยูเอ็นเตือน ภัยคุกคามการก่อการร้าย ‘ฟื้นคืนชีพกลับ’ อีกครั้งแล้ว


แฟ้มภาพ - ภาพที่บันทึกไว้เมื่อ 22 มิ.ย. 2560 แสดงให้เห็นนักรบของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) เตรียมรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม ทางตอนเหนือของซีเรีย
แฟ้มภาพ - ภาพที่บันทึกไว้เมื่อ 22 มิ.ย. 2560 แสดงให้เห็นนักรบของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) เตรียมรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม ทางตอนเหนือของซีเรีย

ผู้แทนของยูเอ็นประจำซีเรียแจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันจันทร์ว่า ภัยคุกคามจากการก่อการร้าย “กำลังกลับฟื้นคืนชีพ” อีกครั้ง เมื่อพิจารณาเหตุการณ์โจมตีโดยสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลาม (Islamic State) ที่เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าในปีที่แล้ว ซึ่งหมายถึงอันตรายต่อพลเรือนที่กำลัง “ประสบภาวะพลัดถิ่นที่ลากยาวและสภาพการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายอยู่”

ไกเออร์ ปีเตอร์เซน ผู้แทนของสหประชาชาติ กล่าวว่า ซีเรียนั้นอยู่ในสภาพ “ที่เต็มไปด้วยพวกผู้ถืออาวุธ กลุ่มก่อการร้ายที่ถูกขึ้นชื่อไว้ กองทัพต่างชาติและแนวรบด้านหน้า” แม้เวลาผ่านไป 13 ปีหลังเกิดสงครามกลางเมืองที่ขยายตัวมาจากการที่ประธานาธิบดีบะชาร์ อัล-อัซซาด สั่งปราบปรามการชุมนุมอย่างสันติเพื่อต่อต้านรัฐบาล

ในความขัดแย้งที่ว่านี้ ประชาชนเกือบครึ่งล้านต้องจบชีวิตลง และครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศจำนวน 23 ล้านคนที่บันทึกไว้เกิดก่อนสงครามก็ต้องกลายมาเป็นผู้พลัดถิ่น

กลุ่มรัฐอิสลามประกาศตั้งการปกครองแบบรัฐกาหลิบในพื้นที่ส่วนหนึ่งของซีเรียและอิรักที่ยึดมาตั้งแต่ปี 2014 ก่อนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้อิรักในปี 2017 แต่ก็ยังมีกลุ่มปฏิบัติการซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ของสองประเทศนี้

ในเวลานี้ ปีเตอร์เซนเตือนคณะมนตรียูเอ็นว่า สถานการณ์ในซีเรียนั้นมีความละเอียดอ่อนเปราะบาง และว่า “ภัยคุกคามจากความขัดแย้งในภูมิภาคที่กระหน่ำใส่ซีเรียนั้นไม่ได้ลดน้อยลงเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเพิ่มขึ้นของการโจมตีโดยอิสราเอลเข้าใส่ซีเรียด้วย”

อิสราเอลโจมตีเป้าหมายศัตรูในซีเรียที่อิรักหนุนหลังอยู่มาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งมีการยกระดับการโจมตีหนักขึ้นในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ กรุงเทลอาวีฟกำลังเดินหน้าทำสงครามในกาซ่า และสู้รบกับกลุ่มเฮซบอลลาห์ในเลบานอนดำเนินอยู่

รองทูตสหรัฐฯ โรเบิร์ต เอ วูด กล่าวโทษอิหร่านซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสำคัญที่สุดในภูมิภาคของปธน.อัซซาด ต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในซีเรีย ขณะที่ ทูตซีเรีย อิหร่าน และรัสเซียประจำยูเอ็นประณามอิสราเอลต่อการโจมตีในซีเรีย

ทั้งนี้ ราเมช ราชาซิงฮัม ผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานของสำนักงานมนุษยธรรมยูเอ็น แจ้งต่อคณะมนตรีฯ ด้วยว่า ผู้คนกว่า 16 ล้านคนในซีเรียกำลังต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอยู่ และมีประชาชนราว 7.2 ล้านคนที่พลัดถิ่น “ท่ามกลางวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ภาวะความขัดแย้ง(ในภูมิภาคนี้)ปะทุขึ้นมา” และว่า มีประชาชนกว่า 900,000 คน ซึ่งกว่าครึ่งนั้นเป็นเด็ก ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียที่กลุ่มกบฏยึดครองอยู่ ไม่มี “น้ำและการสนับสนุนด้านสุขาภิบาลที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต” ด้วย

ปีเตอร์เซนและราชาซิงฮัมร่วมกันร้องขอให้มีการเปิดทางนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังซีเรียและขอให้มีการระดมทุนระหว่างประเทศเพิ่มด้วย โดยมีการระบุว่า ทางหน่วยงานได้ร้องของบ 4,000 ล้านดอลลาร์เพื่อการนี้สำหรับปี 2024 แต่ได้รับการสนับสนุนตอบกลับเพียง 20% เท่านั้น

  • ที่มา: เอพี

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG