ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน สั่งปลด 2 นายพลออกจากตำแหน่ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องการทรยศชาติ
ประธานาธิบดีเซเลนสกี แห่งยูเครน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีว่า นายพลทั้งสองเป็นพวก “แอนตี้ฮีโร่” หนึ่งในนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงภายใน ส่วนอีกรายเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของภูมิภาคเคอร์ซอน ซึ่งผู้นำยูเครนกล่าวว่าเขาไม่มีเวลาจะจัดการกับผู้ทรยศทั้งหลาย แต่พวกเขาจะได้รับการลงโทษทั้งหมด
อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ยูเครน ระบุว่า กองทัพรัสเซียได้บุกยึดสิ่งของช่วยเหลือ 14 ตัน ที่มากับขบวนรถบัส 12 คัน ทางตอนใต้ของยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งมีทั้งอาหารและยารักษาโรคที่ลำเลียงจัดส่งมาในขบวนรถดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถอีก 45 คันที่ส่งมาอพยพประชาชนจากเมืองมาริอูโพล ที่กองทัพรัสเซียเข้าสกัดกั้นไว้ได้ก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทางในวันเดียวกันนี้ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่ากองทัพรัสเซียจะเปิดทางให้เข้าถึงพลเมืองที่ติดค้างในพื้นที่ได้เมื่อใด
หนึ่งวันก่อนที่ยูเครนจะระบุว่ารัสเซียผิดสัญญาในการลดปฏิบัติการทางทหารชานกรุงเคียฟ สหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันตกยังคลาแคลงใจกับเงื่อนไขดังกล่าวของรัสเซีย โดยแถลงการณ์จากกลาโหมอังกฤษ ได้เตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กองกำลังของรัสเซียส่วนใหญ่ยังตรึงกำลังอยู่ใกล้กับกรุงเคียฟ แม้ว่าจะมีการถอนทหารไปบางส่วน และมีแนวโน้มว่าจะมีการสู้รบเกิดขึ้นบริเวณชานกรุงเคียฟในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ขณะที่ จอห์น เคอร์บี้ โฆษกเพนตากอน ได้เตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีกองทัพรัสเซียไม่ถึง 20% บริเวณกรุงเคียฟและเชอร์นิฮิฟ ที่เริ่มเคลื่อนย้ายออกไป และยังไม่พบการเคลื่อนพลครั้งใหญ่หรืออย่างรวดเร็วของกองทัพรัสเซียออกจากยูเครน ทางเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ เชื่อว่า การปรับทัพของรัสเซียส่วนใหญ่จะมุ่งหน้าไปยังเบลารุสก่อนจะกลับมายูเครนอีกครั้ง หรืออาจเคลื่อนพลไปช่วยสู้รบทางตะวันออกของยูเครน
คืบหน้าการเจรจา
ในฉากการทูต นักการทูตระดับสูงของตุรกี ได้เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ตุรกีจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อให้ยูเครนและรัสเซียกลับสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง ขณะที่หัวหน้าฝ่ายเจรจาจากยูเครน เดวิด อาราคาเมีย ระบุว่า การหารือระหว่างยูเครนและรัสเซีย จะกลับมาเดินหน้าอีกครั้งในวันศุกร์ในรูปแบบออนไลน์ ส่วนรัสเซียระบุก่อนหน้านี้ว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในการหารือตัวต่อตัวของทั้งสองฝ่ายที่ตุรกีเป็นเจ้าภาพเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
มาตรการลงโทษรอบใหม่
รัสเซีย ขึ้นบัญชีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหภาพยุโรปไม่ให้เข้าประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้นำ คณะกรรมาธิการ เจ้าหน้าด้านการทหารจากสหภาพยุโรป และสื่อมวลชน เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซียอย่างต่อเนื่อง หลังการบุกยูเครนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ สั่งคว่ำบาตรบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยผิดกฎหมาย ที่เอื้อให้รัฐบาลเครมลินหลบเลี่ยงมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจจากตะวันตก และอังกฤษขึ้นบัญชีสามบริษัทที่จดทะเบียนในอังกฤษตามมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในวันพฤหัสบดี ที่ทางสหรัฐฯ ระบุว่าทั้งสามบริษัทดังกล่าวเป็น ‘บริษัทฉากหน้า’ ที่ใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลเครมลิน
