สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยูเครนกำลังเร่งทำผลงานในสนามรบเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองในการเจรจาเพื่อยุติสงคราม หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีความคาดหมายว่าจะมีการเจรจาเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนกล่าวว่า ในช่วง 4-5 เดือนจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน เมื่อมีสัญญาณว่าการกลับสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจนำไปสู่จุดสิ้นสุดของสงครามยูเครนตามที่ทรัมป์รับปากไว้ แม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวกับรอยเตอร์โดยไม่ขอเปิดเผยตัวตนว่า "นี่จะเป็นฤดูหนาวที่สำคัญอย่างยิ่ง หวังว่าสงครามจะมาถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งขณะนี้เราจะขอระบุถึงจุดยืนของทั้งสองฝ่ายในการเจรจา และถือเป็นจุดเริ่มต้น"
เจ้าหน้าที่ของยูเครนและรัสเซียกำลังจับตามองว่า ทรัมป์จะแต่งตั้งใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งสูงสุดด้านความมั่นคงและกลาโหม ซึ่งอาจจะช่วยให้พอคาดเดาถึงทิศทางนโยบายด้านการทหารของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ได้
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่มีชื่อของอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ อยู่ในโผคณะทำงานชุดใหม่ โดยพอมเพโอนั้นถูกว่ามีแนวคิดสนับสนุนยูเครน
ช่วงที่ผ่านมา รัสเซียเดินหน้ารุกคืบอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบสองปี โดยยูเครนระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ามีทหารเกาหลีเหนือราว 11,000 คนเข้าร่วมกับรัสเซียในการต่อสู้กับทหารยูเครนบริเวณแคว้นเคิร์สกของรัสเซียด้วย
ตั้งแต่เดือนสิงหาคม กองทัพยูเครนได้บุกเข้าไปในแคว้นเคิร์สกและบริเวณใกล้เคียง โดยประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี เชื่อว่า หากสามารถยึดครองดินแดนแถบนี้ได้จะถือเป็นไพ่สำคัญในการเจรจาต่อรองกับรัสเซีย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.เซเลนสกี ได้พูดคุยทางโทรศพัท์กับอดีตปธน.ทรัมป์ และกล่าวว่า ทรัมป์ได้โน้มน้าวให้ตนเร่งยุติสงครามซึ่งหมายถึงการยินยอมสูญเสียดินแดนบางส่วนให้กับรัสเซีย
เซเลนสกี กล่าวว่า "การยุติสงครามโดยเร็ว หมายถึงความสูญเสียของยูเครน ไม่สามารถหมายความถึงอย่างอื่นได้" พร้อมยังวิจารณ์ไปถึงการเจรจาหยุดยิงโดยที่ยูเครนไม่ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยจากรัสเซียว่าจะไม่เริ่มการโจมตีรุกรานครั้งใหญ่อีก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนยังกล่าวด้วยว่า มีความเป็นไปได้น้อยลงอย่างยิ่งที่ยูเครนจะได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกขององค์การนาโต้หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง รวมทั้งมีโอกาสสูงที่ทรัมป์จะลดความช่วยเหลือที่ให้กับกรุงเคียฟด้วย
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว รัฐบาลรัสเซียยืนยันว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน พร้อมที่จะเจรจาหารือกับทรัมป์ในเรื่องยูเครน แต่มิได้หมายความว่าความประสงค์ของรัสเซียจะเปลี่ยนไปด้วย
โดยปูตินกำหนดเงื่อนไขของการยุติสงครามครั้งนี้ว่า ยูเครนต้องยุติความพยายามเข้าเป็นสมาชิกขององค์การนาโต้ และต้องถอนทหารทั้งหมดออกจากเขตปกครอง 4 แห่งทางภาคตะวันออกของยูเครนที่รัสเซียยึดครองไว้แล้วตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสงคราม ซึ่งทางยูเครนปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างหนักแน่น
เมื่อเดือนกันยายน ปธน.เซเลนสกี ประกาศ "แผนแห่งชัยชนะ" ต่อประธานาธิบดีไบเดน พร้อมเน้นย้ำคำขออนุมัติจากสหรัฐฯ เพื่อให้ยูเครนสามารถใช้อาวุธโจมตีระยะไกลเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้ รวมทั้งขอให้นาโต้ออกคำเชิญอย่างเป็นทางการให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีท่าทีตอบรับจากรัฐบาลของไบเดน และทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่เจ้าหน้าที่กรุงเคียฟว่า ไบเดนจะยังคงให้การสนับสนุนยูเครนต่อไปจนถึงวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งหรือไม่ แม้ความหวังนั้นจะค่อนข้างเลือนรางลงไปเรื่อย ๆ ก็ตาม
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น