ว่าทีประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ก่อนชนะการเลือกตั้งว่า เรื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติหรือ climate change เป็นเรื่องกุขึ้นมาโดยมีจีนอยู่เบื้องหลัง
และว่าจีนทำเช่นนั้นเพื่อทำลายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ล่าสุดจีนออกมาตอบโต้กับคำกล่าวของทรัมป์ โดยเมื่อวันพุธ รองรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีน Liu Zhenmin บอกกับผู้สื่อข่าวในการประชุมของสหประชาชาติ ที่ประเทศโมร็อคโคว่า อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน และจอร์จ เอช ดับเบิ้ลยู บุชของสหรัฐฯ เริ่มพิจารณาเรื่องการแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนโดยไม่ได้บอกจีนให้ทราบ
"ดังนั้นดูเหมือนว่าปัญหานี้มีมานาน และถูกพูดถึงโดยผู้นำสหรัฐฯ จึงเป็นไปไม่ได้ว่าจีนแต่งเรื่องภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติขึ้นมา"
รองรัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าวเพิ่มว่า "หากใครได้ศึกษาประวัติของปัญหาอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ ก็จะทราบว่าเรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรีพับลิกันของสหรัฐฯ มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980"
ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนผู้นี้ มีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์เคยกล่าวผ่านทวิตเตอร์เมื่อ 4 ปีก่อน ในตอนนั้นเขาโทษว่าจีนอยู่เบื้องหลังการกุประเด็นเรื่อง climate change ขึ้นมา
ข้อความดังกล่าวถูก retweet กว่า 100,000 ครั้ง
และในช่วงสองปีหลังจากนั้น ทรัปท์ทวีตข้อความลักษณะนี้หลายครั้ง บางครั้งโยงว่าอากาศที่เย็นทำให้เขาไม่เชื่อในเรื่องภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 หรือในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ปฏิเสธว่าเคยพูดเช่นนั้น
เมื่อตอนที่เขาขึ้นเวทีโต้อภิปรายแข่งกับนางฮิลลารี่ คลินตั้น ตัวแทนจากเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เธอกล่าวว่า "โดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่าปัญหาภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ เป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นมาโดยประเทศจีน" แต่ทรัมป์ตอบโต้ทันทีว่าเขาไม่เคยพูดถ้อยความดังกล่าว
ประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ลงนามในความตกลงด้านภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติที่กรุงปารีสไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อพยายามลดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ซึ่งทั้งสหรัฐฯ และจีนเป็นประเทศที่ลงสัตยาบันด้วย
อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นช่วงเลือกตั้งว่าตนจะล้มเลิกความตกลงนี้ และจะกลับไปช่วยให้มีการเปิดเหมืองถ่านหินในอเมริกา รวมถึงโครงการแหล่งน้ำมันจากชั้นหินด้วย
Weram Mannasseh Chlunga ตัวแทนจากประเทศมาลาวีที่การประชุมในโมร็อคโค กล่าวกับวีโอเอว่า หากสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนตัวจากข้อตกลงที่ปารีส ความพยายามต่อสู้กับปัญหา climate change จะเดินถอยหลัง และเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อโลก
(รายงานโดย Joshua Fatzick / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)