ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร ยืนยันว่าการเจรจาการค้ากับจีนยังไม่ล่ม และว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกในตอนนี้เป็นเพียงความขัดแย้งกันเล็กน้อย
ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่มเติมว่า ความเคารพและมิตรภาพที่มีต่อประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีนยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ต้องการให้ข้อตกลงการค้าที่จะมีขึ้นระหว่างกันจะต้องเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับสหรัฐฯ และว่า สหรัฐฯและจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้ากันในช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าสหรัฐฯ จะแก้ปัญหาการขาดดุลการค้ากับจีนได้ จากที่สหรัฐฯขาดดุลการค้ากับจีนราว 419,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่ร้อยละ 5 - 25 จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ตอบโต้ที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีร้อยละ 25 กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งยังขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ หลังการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อนจบลงอย่างไร้ข้อสรุป
ด้านนาย เกา หลิงยุน นักวิชาการจากสถาบัน Chinese Academy of Social Science มองว่า ในระยะสั้น จีนและสหรัฐฯจะต้องแบกรับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีแบบเท่าๆกัน แต่หลังจากนี้ไป 3-6 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกและผู้บริโภคอเมริกันจะเริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อนี้
โดยประเมินสัดส่วนต้นทุนจากภาษีจะพบว่า ภาคการผลิตจีนจะแบกรับภาระภาษีราวร้อยละ 10 ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ต้องเจอกับภาระภาษีในส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 90 หรือมากกว่านั้น นั่นหมายความว่า มาตรการภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนของประธานาธิบดีทรัมป์ จะทำให้ชาวอเมริกันต้องใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้นราว 700 ดอลลาร์ หรือราว 21,700 บาทต่อปี
(เรียบเรียงบทความจาก Michael Bowman, Ira Mellman และ Ken Bredemeier)