ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอิสราเอล สามารถทำความตกลงกันได้แล้วเพื่อเริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
ความตกลงดังกล่าวจะทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี กลายเป็นประเทศอาหรับประเทศที่สามที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ต่อจากอียิปต์และจอร์แดน และยังเป็นประเทศแรกในแถบอ่าวเปอร์เซียด้วย
ปธน.ทรัมป์ ทวีตข้อความถึงแถลงการณ์ร่วมระหว่างยูเออีกับอิสราเอลในวันพฤหัสบดี โดยบอกว่าเป็น "ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์"
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ผู้แทนของยูเออีและอิสราเอลจะพบกันในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อหารือและลงนามในข้อตกลงต่าง ๆ รวมทั้งการจัดให้มีเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศ ความมั่นคงปลอดภัย การสื่อสารโทรคมนาคม ความร่วมมือด้านพลังงาน การท่องเที่ยว และสาธารณสุข เป็นต้น
นอกจากนี้ ยูเออีและอิสราเอลยังมีแผนขยายและเร่งให้เกิดความร่วมมือในด้านการพัฒนาวัคซีนสำหรับโควิด-19 ด้วย
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุในทวีตของตนว่า "เวลานี้น้ำแข็งได้เริ่มแตกออกแล้ว และหวังว่าประเทศอาหรับและมุสลิมอื่น ๆ จะเดินตามแนวทางที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทำไว้"
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ กล่าวว่า "ข้อตกลงนี้ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของประเทศที่มีความก้าวหน้าและมีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดสองประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันของการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้"