ในวันจันทร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำประกาศดำเนินมาตรการเพิ่มภาษีนำเข้าสำหรับสินค้านำเข้าประเภทเหล็กและอะลูมิเนียม พร้อมยกเลิกคำนโยบายยกเว้นภาษีและโควต้าสำหรับแคนาดา เม็กซิโก บราซิลและประเทศต่าง ๆ ที่เป็นผู้ส่งออกหลักด้วย
คำประกาศล่าสุดนี้ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 25% จาก 10% ที่ทรัมป์เคยประกาศใช้เมื่อปี 2018 เพื่อช่วยอุตสาหกรรมดังกล่าวในประเทศ โดยคำสั่งล่าสุดนี้จะมีผลบังคับใช้กับการนำเข้าอะลูมิเนียมจำนวนหลายล้านตันที่ถูกนำเข้ามาโดยไม่เสียภาษีภายใต้โควต้า ภายใต้มาตรการยกเว้นอื่น ๆ
ในการบริหารประเทศสมัยเเรก ประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษี 25% ต่อเหล็กและ 10% ต่ออะลูมิเนียม
แต่ในเวลาต่อมา เขาอนุญาตให้ประเทศคู่ค้าหลายรายเช่น เเคนาดา เม็กซิโกและบราซิล ได้รับโควตาสำหรับปริมาณสินค้าปลอดภาษี
อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนขยายการยกเว้นเเบบเดียวกันต่ออังกฤษ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานเหล็กในสหรัฐฯ ลดลง
อัตราภาษีล่าสุดส่งสัญญาณการเพิ่มความเข้มข้นของนโยบายภาษีครั้งใหญ่ และเป็นภาษีนำเข้าสูงสุดอันดับต้น ๆ ของสินค้าโลหะทั้งหมดในปัจจุบัน ของสหรัฐฯ โดยทรัมป์มีถ้อยแถลงเรื่องนี้ต่อผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังประกาศใช้มาตรฐานอเมริกาเหนือใหม่ที่บังคับให้วัสดุเหล็กที่นำเข้าสหรัฐฯ เป็นแบบ “หลอมและหล่อ” (melted and poured) และให้อะลูมิเนียมที่นำเข้านั้นเป็นแบบ “หลอมละลายและหล่อ” (smelted and cast) จากภายในภูมิภาคเพื่อสกัดกั้นการนำเข้าโลหะที่การแปรรูปไม่มากจากจีน
รอยเตอร์รายงานว่า คำสั่งนี้พุ่งเป้าไปยังผลิตภัณฑ์เหล็กปลายน้ำที่ใช้โลหะนำเข้าเพื่อประโยชน์ด้านภาษี
ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทรัมป์กล่าวว่า มาตรการเหล่านี้จะช่วยผู้ผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ และส่งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและแห่งชาติของอเมริกา
นอกจากมาตรการใหม่ที่ประกาศออกมาในวันจันทร์แล้ว ทรัมป์บอกไว้ด้วยว่า ในวันอังคารหรือวันพุธ เขาจะเปิดเผยมาตรการภาษีตอบโต้อื่น ๆ โดยจะมีผลทันทีเมื่อมีการประกาศ
- ที่มา: รอยเตอร์