นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าทานอาหารกลางวันร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในวันจันทร์ และหลังจากนั้นได้พบหารือกับนางนิกกี้ เฮลลีย์ ทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ
ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า นางนิกกี้ เฮลลีย์ อาจสละตำแหน่งทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ และเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แทนนายทิลเลอร์สัน
การคาดการณ์เรื่องนี้มีขึ้นหลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบคำถามในรายการสัมภาษณ์ของ Fox News Sunday เมื่อวันอาทิตย์ ที่ว่าคำกล่าวและท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อเหตุการณ์รุนแรงที่เมืองชาร์ลอตต์สวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งได้ถูกตำหนิโจมตีอย่างกว้างขวางนั้น สะท้อนถึงค่านิยมของสหรัฐฯ หรือไม่
โดยนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ตอบว่า ท่าทีและความเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์ในเรื่องดังกล่าวสะท้อนความคิดของตัวประธานาธิบดีเอง
และในวันจันทร์ ถึงแม้เจ้าหน้าที่คนสนิทของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะปฏิเสธว่า ความเห็นของนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สันไม่ได้เป็นการวิพากษ์ตำหนิประธานาธิบดีทรัมป์ก็ตาม แต่ก็เสริมว่าค่านิยมต่างๆ ของสหรัฐฯ นั้นเริ่มมาจากรัฐธรรมนูญ และประธานาธิบดีมีหน้าที่ปกป้องสนับสนุนค่านิยมเหล่านี้
และว่าประธานาธิบดีทรัมป์ทำได้ไม่ดีที่สุดจากการตอบสนองต่อเหตุการณ์รุนแรงที่เมืองชาร์ลอตวิลล์
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานเช่นกันว่า นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีทัศนะด้านนโยบายที่แตกต่างจากแนวคิดของประธานาธิบดีทรัมป์ เช่น ในเรื่องอัฟกานิสถาน ปัญหาทางการทูตของกาตาร์ และมาตรการลงโทษต่อเวเนซุเอลา เป็นต้น
โดยเฉพาะเมื่อต้นเดือนสิงหาคม นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ได้แสดงท่าทีไม่พอใจเกี่ยวกับทัศนคติของประธานาธิบดีทรัมป์ในเรื่องปัญหาคนต่างผิวต่อกลุ่มนักศึกษาผู้ไปเยือนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่ยอมรับหรือสนับสนุนคำกล่าวที่มุ่งส่งเสริมความเกลียดชังไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใด
และว่าสหรัฐฯ ประณามการแบ่งแยกปฏิบัติด้านเชื้อชาติและอคติเกี่ยวกับคนต่างผิวพรรณในทุกรูปแบบ เพราะเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับค่านิยมของสังคมอเมริกัน