ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ รับปากว่าจะปรับปรุงข้อตกลงการค้าที่ทำไว้กับเกาหลีใต้ เพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทอเมริกันมากขึ้น รวมทั้งขู่ว่าจะใช้มาตรการทางภาษีและการกำหนดโควต้า กับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ด้วย
คำกล่าวของ ปธน.ทรัมป์ มีขึ้นระหว่างการหารือด้านการค้ากับสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ บางส่วน ที่ทำเนียบขาวในวันอังคาร โดย ปธน.ทรัมป์ ระบุว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาการ "ทุ่มตลาด" จากสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมราคาถูกจากต่างประเทศ
แต่บรรดาสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมประชุม เตือนว่าการใช้นโยบายดังกล่าวอาจเป็นดาบสองคม เพราะสามารถนำไปสู่ "สงครามการค้า" ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศผู้ส่งออกอื่นๆ และอาจมีผลให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ สูงขึ้นได้
เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ตนจะผลักดันให้ใช้มาตรการภาษีตอบโต้ต่อประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ที่กำหนดภาษีกับสินค้านำเข้าจากอเมริกา
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า "เราไม่อาจปล่อยให้คนต่างชาติเข้ามาปล้นประเทศของเรา และตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าของเราโดยที่เราไม่ทำอะไร เราสูญเสียเงินไปมหาศาลให้กับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา แต่เรากำลังจะปรับเปลี่ยนนโยบายเรื่องนี้"
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลของตนจะใช้ภาษีตอบโต้ประเทศคู่ค้าอื่นๆ รวมทั้งประเทศที่พันธมิตรของสหรัฐฯ ด้วย "เพราะในวงการธุรกิจนั้น ไม่มีมิตรแท้"
ก่อนหน้านี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันในรัฐสภา ได้เสนอให้เก็บภาษี 20% กับสินค้านำเข้าจากบางประเทศที่รัฐบาลประเทศนั้นอุดหนุนอุตสาหกรรมเหล่านั้น แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา และถูกต่อต้านจากสมาคมอุตสาหกรรมและองค์กรการค้าหลายแห่งที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ
เมื่อปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ กล่าวเครือข่ายโทรทัศน์ Fox News ว่า "หากพูดว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 10-20% ผู้คนต่างพากันคลุ้มคลั่ง แต่ถ้าพูดว่าจะใช้ 'มาตรการภาษีตอบโต้' ดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถโวยวายได้ เพราะเป็นการตอบโต้สิ่งที่ประเทศอื่นทำกับเรา"