ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในวันพุธว่า "รัสเซียต้องออกจากเวเนซูเอลา" หลังจากมีรายงานว่ารัสเซียได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปในเวเนซูเอลาแล้ว
ปธน. ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการหารือกับนางฟาบิอานา โรลาเรส ภรรยาของนายฮวน กวัยโด้ ผู้นำฝ่ายค้านและประธานาธิบดีเฉพาะกาลของเวเนซูเอลา ซึ่งเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันเพื่อพบปะกับรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ และประธานาธิบดีทรัมป์
โดยผู้นำสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า "ทุกทางเลือกยังคงอยู่ในการพิจารณา" ซึ่งรวมถึงการใช้มาตรการทางทหารในเวเนซูเอลาเพื่อนำทหารรัสเซียออกมาด้วย
WATCH: Trump Calls on Russia to 'Get Out' of Venezuela
ด้านรอง ปธน.เพนซ์ แถลงข่าวร่วมกับนางโรลาเรสว่า "สหรัฐฯ มองว่าการที่รัสเซียส่งเครื่องบินทหารเข้าไปในเวเนซูเอลาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการยั่วยุอย่างไม่ประสงค์ดี" และว่า "สหรัฐฯ ขอให้รัสเซียยุติการสนับสนุน ปธน.นิโคลาส์ มาดูโร และหันมายืนเคียงข้างนายกวัยโด้ ร่วมกับประเทศอื่นๆ อีก 50 ประเทศทั่วโลก"
นางฟาบิอานา โรลาเรส กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า "ปัจจุบัน เวเนซูเอลาอยู่ระหว่างทางแยกของเสรีภาพกับเผด็จการ ระหว่างความเป็นกับความตาย ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเด็กๆ ซึ่งกำลังล้มตายเพราะไม่มีอาหาร และยารักษาโรค"
เวลานี้ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากสหรัฐฯ ที่ส่งไปให้เวเนซูเอลา ยังคงถูกสกัดไว้ที่พรมแดนเวเนซูเอลาติดกับโคลอมเบีย เนื่องจากรัฐบาลนายมาดูโรเกรงว่าจะมีภับคุกคามจากสหรัฐฯ แอบแฝงมากับความช่วยเหลือเหล่านี้
ด้านนายกวัยโด้ ซึ่งอยู่ในเวเนซูเอลา กำลังเรียกร้องให้ประชาชนเดินขบวนประท้วงรัฐบาลนายมาดูโรอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศรอบใหม่ในวันพุธ
รายงานข่าวระบุว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศรัสเซียสองลำได้นำเจ้าหน้าที่และทหารรัสเซียเกือบ 100 คน ไปส่งยังสนามบินแห่งหนึ่งในกรุงคาราคาสเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
สื่อของทางการรัสเซีย Sputnik รายงานว่า ทหารรัสเซียเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซ่อมบำรุงและแลกเปลี่ยนทางการทหารที่รัสเซียทำไว้กับเวเนซูเอลา
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเกรงว่า คำประกาศของทรัมป์ในวันนี้ กับการที่มีทหารรัสเซียถูกส่งไปในเวเนซูเอลา อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเผชิญหน้าทางทหารของสองประเทศมหาอำนาจนี้ในเวเนซูเอลาได้