พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ตามเวลาในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทั่วประเทศ
เส้นทางสู่ทำเนียบขาวของ โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2015 เมื่อเขาประกาศว่าจะลงเลือกตั้งเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ คือมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และไม่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน
ทรัมป์เกิดที่ย่านควีนส์ ในนครนิวยอร์ค ในครอบครัวชาวอเมริกันฐานะดี บิดาของเขา เฟร็ด ทรัมป์ เป็นเจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้มีบุคลิกเป็นผู้นำและชอบสั่งการ ซึ่งเชื่อว่ามีอิธิพลต่อนิสัยและบุคลิกของ โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย
ในวัยหนุ่ม ทรัมป์ประสบความสำเร็จหลังรับช่วงธุรกิจต่อจากบิดา โดยเขามุ่งเน้นซื้อขายอสังริมทรัพย์บนเกาะแมนฮัตตัน หนึ่งในเมืองที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดในโลก
ทรัมป์สร้างอาคาร Trump Tower ในใจกลางแมนฮัตตันใกล้สวนสาธารณะเซนทรัลพาร์ค เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของตน และเขาได้พัฒนาทักษะการใช้ประโยชน์จากสื่อมวลชนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเอง
ซึ่งต่อมา ความสามารถด้านนี้ได้ถูกนำมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วย
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ทรัมป์ประสบความล้มเหลวหลายอย่างในเชิงธุรกิจและชีวิตครอบครัว เช่น ธุรกิจอสังริมทรัพย์ประสบความล้มเหลวหลังฟองสบู่แตกเมื่อปี ค.ศ. 2008 ธุรกิจคาสิโนที่ต่อมาล้มละลาย และมหาวิทยาลัย Trump University ที่เผชิญข่าวอื้อฉาวและข้อกล่าวหาหลายอย่าง
ในด้านชีวิตส่วนตัว เขาผ่านการหย่าร้าง 2 ครั้ง แต่งงาน 3 ครั้ง มีบุตร 5 คน
จนกระทั่งปี ค.ศ. 2004 เขากลับมามีชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้ง จากรายการทีวีแบบ รีอัลลิตี้โชว์ "The Apprentice"
หลังจากนั้นดูเหมือน โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามเบนเข็มไปทางการเมือง เริ่มด้วยการกล่าวหาประธานาธิบดีโอบาม่าว่าไม่ได้เกิดในสหรัฐฯ ซึ่งต่อมาในการหาเสียง ทรัมป์ปฏิเสธเรื่องนี้และโยนความผิดให้คณะหาเสียงเมื่อปี ค.ศ. 2008 ของนางฮิลลารี่ คลินตั้น ว่าเป็นผู้เปิดประเด็นดังกล่าวขึ้นมา
ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน ทรัมป์เอาชนะคู่แข่ง 16 คน ด้วยการเสนอนโยบายที่ได้รับเสียงสนับสนุนมากมายจากสมาชิกพรรครีพับลิกัน เพราะเป็นเรื่องที่คนเหล่านั้นกังวล เช่น ข้อเสนอที่จะให้สร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดน สหรัฐฯ - เม็กซิโก และนโยบายกีดกันไม่ให้ชาวมุสลิมเข้าประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง ดูเหมือนโดนัลด์ ทรัมป์ มีน้ำเสียงอ่อนลงในเรื่องนี้ ถึงกระนั้นยังต้องจับตาต่อไปว่า ผลกระทบจากคำพูดของว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ผู้นี้ ที่มีต่อสันติภาพความมั่นคงของโลก และความสงบสุขในสังคมอเมริกัน จะมีมากน้อยแค่ไหน
หลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันศุกร์ที่ 20 มกราคมนี้!
(ผู้สื่อข่าว Faith Lapidus รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)