เข้มข้นขึ้นแล้วสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นปลายปีนี้ ซึ่งทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้ท้าชิงอย่างอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างประกาศกร้าวที่จะมีท่าทีที่แข็งกร้าวกับจีน แล้วชาวจีนคิดเห็นเช่นไรกับการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้บ้าง?
ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่มีความสำคัญที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมากที่สุดในโลกเช่นกัน และเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใกล้เข้ามาทุกขณะ ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจก็ยิ่งตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ
และเพื่อให้เห็นภาพที่เกิดขึ้นในมุมมองของจีน วีโอเอได้เดินทางไปที่กรุงปักกิ่ง เพื่อสอบถามทัศนะของชาวกรุงปักกิ่งเกี่ยวกับตัวผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ทีมงานวีโอเอได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำข่าวในจีน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวของวีโอเอไม่สามารถได้รับวีซ่าไปรายงานข่าวสารที่จีนได้ เนื่องจากการควบคุมในช่วงการระบาดของโควิด-19 และความตึงเครียดของความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน
ซุน หญิงชาวกรุงปักกิ่ง ถอนหายใจก่อนจะเผยมุมมองเกี่ยวกับสองผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ว่า “...เมื่อคิดถึงประเทศของฉันเอง ใครก็ตามที่ชนะเลือกตั้ง เขาก็คงไม่ดีสำหรับเราทั้งนั้น”
ส่วนอลัน ชาวกรุงปักกิ่ง บอกกับวีโอเอว่า “พูดในฐานะนักศึกษาจีนธรรมดาคนหนึ่ง ผมชอบทรัมป์มากกว่า แม้ว่าเขาจะดูเวอร์วังไปหน่อย แต่อย่างน้อยเขากำลังทำสิ่งนี้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติของเขา”
นโยบายเกี่ยวกับจีนของอดีตปธน.ทรัมป์ เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ โดยเป็นการใช้สูตรผสมผสานระหว่างการโจมตีอย่างรุนแรงและการทูตระดับส่วนตัวใกล้ชิดเป็นเดิมพัน
อดีตปธน.ทรัมป์ เคยกล่าวว่า “คุณรู้ไหม มีความขัดแย้งมากมายระหว่างสหรัฐฯ และจีน และตอนนี้มันกลายเป็นความสัมพันธ์อันชื่นมื่นไปแล้ว”
ผู้สื่อข่าววีโอเอที่ลงพื้นที่ในกรุงปักกิ่ง รายงานด้วยว่า ที่จีนตอนนี้ ทรัมป์มีชื่อเล่นที่น่าสนใจในภาษาจีนที่แปลว่า “สหายสร้างชาติ” ว่ากันง่าย ๆ ก็คือ ทรัมป์เป็นฝ่ายที่ช่วยเหลือจีน ด้วยการทำลายภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในเวทีโลก
เถา หนึ่งในชาวจีนที่กรุงปักกิ่ง กล่าวกับวีโอเอว่า “มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ – หลายอย่างที่เขาทำดูเหมือนจะตรงกับผลประโยชน์ของจีนเสียด้วย”
ด้านหวง ชาวกรุงปักกิ่งอีกราย บอกว่า “เขา(ทรัมป์)แค่เป็นคนตรงไปตรงมา และบางครั้งเขาทำสิ่งที่ดูเหมือนจะไปเป็นในรูปแบบที่มีจุดประสงค์ช่วยเหลือจีน”
อย่างไรก็ตาม ในยุคของอดีตปธน.ทรัมป์ มีการบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษีที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน เขามีความสัมพันธ์อันตึงเครียดกับพันธมิตรสหรัฐฯ หลายประเทศ รวมทั้งประกาศถอนสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิก หรือวิพากษ์วิจารณ์ หลายองค์กรระหว่างประเทศที่สหรัฐฯ เป็นแกนนำ
ขณะที่ไบเดน เข้ามาเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรสหรัฐฯ ให้แน่นแฟ้นขึ้น โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งสั่นคลอนรัฐบาลกรุงปักกิ่ง
หวัง หุยเหยา ประธานองค์กรคลังสมอง Center for China and Globalization กล่าวว่า “เขา(ไบเดน)แสดงท่าทีที่เป็นวิถีดั้งเดิมมากกว่า เขาเน้นให้ความสำคัญกับพันธมิตร และผลักดันค่านิยมด้านอุดมการณ์(ประชาธิปไตย) เขาทำแม้กระทั่งจัดการประชุมสุดยอดด้านประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านระบอบเผด็จการ”
แม้จะมีความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอยู่ แต่ในยุคปธน.ไบเดน ก็มีความพยายามรักษาเสถียรภาพด้านความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจมาโดยตลอด ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ชาวจีนจำนวนมากรู้สึกยินดี
หวัง เสริมว่า “ผมไม่ต้องการจะเห็นความสัมพันธ์อันดิ่งเหวเหมือนที่เคยเป็น เพราะหากมันเกิดขึ้น อาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งไม่เพียงแต่กับสหรัฐฯ และจีน แต่กับทั้งโลก”
ซึ่งระหว่างที่การเลือกตั้งสหรัฐฯ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ความไม่แน่นอนระหว่างสัมพันธ์สองมหาอำนาจยังคงมีอีกมากที่รออยู่ข้างหน้า
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น