ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า หวังว่าสหรัฐฯ จะไม่ทำสงครามกับอิหร่าน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางในขณะนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกนักข่าวสอบถามที่ทำเนียบขาวเกี่ยวกับโอกาสเกิดสงครามกับอิหร่าน ขณะเป็นเจ้าภาพต้อนรับประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ โดย ปธน.สหรัฐฯ ตอบว่า "หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น"
ปัจจุบัน สหรัฐฯ และอิหร่านไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดยมีสวิตเซอร์แลนด์ทำหน้าที่เป็นผู้แทนผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในอิหร่านแทน
ขณะเดียวกัน ทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ มาจิ๊ด ทัคห์ท อี ราวานชี กล่าวต่อสำนักข่าว NPR ของสหรัฐฯ ว่าอิหร่านไม่ต้องการที่จะยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เพราะทุกฝ่ายจะสูญเสีย แต่ก็ยืนยันว่าอิหร่านมีสิทธิที่จะปกป้องตนเองเช่นกัน
รายงานของ New York Times ในวันพฤหัสบดี ระบุว่าทำเนียบขาวยกระดับการเตือนภัยในตะวันออกกลาง หลังจากได้พิจารณาภาพขีปนาวุธบนเรือเล็กหลายลำของกองทัพอิหร่านที่อยู่ในอ่าวเปอร์เซีย ทำให้เกรงว่าอิหร่านอาจใช้ขีปนาวุธเหล่านั้นโจมตีใส่เรือของสหรัฐฯ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ เพิ่งส่งเรือบรรทุกเครื่องบินและเครื่องบินทิ้งระเบิดเข้าไปในตะวันออกกลาง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการเตรียมพร้อมในกรณีที่เกิดสงครามขึ้นจริง
และเมื่อวานนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในภาวะฉุกเฉิน เดินทางออกจากอิรัก ขณะที่มีนักการเมืองอเมริกันหลายคนแสดงความกังวลว่าอาจเกิดสงครามกับอิหร่าน
แต่ก่อนหน้านั้น ปธน.ทรัมป์ ปฏิเสธรายงานที่ว่า ตนกำลังพิจารณาส่งทหาร 120,000 คนเข้าไปในตะวันออกกลาง และอาจเพิ่มจำนวนขึ้นอีกในอนาคต
และในวันพุธ ปธน.ทรัมป์ ยังทวีตข้อความด้วยว่า ตนเชื่อว่าอิหร่านต้องการจะเจรจากับสหรัฐฯ เร็วๆ นี้