ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคู่ชิงจากพรรคเดโมแครต นายโจ ไบเดน เร่งหาเสียงในรัฐสมรภูมิที่จะเป็นปัจจัยชี้ขาดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เหลืออีกเพียงสองวันก่อนการเลือกตั้ง ในวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน
ประธานาธิบดีทรัมป์จัดการปราศรัยหาเสียงใน 5 รัฐสำคัญในช่วงสองวันจากนี้ คือรัฐมิชิแกน รัฐไอโอวา รัฐนอร์ธแคโรไลนา รัฐจอร์เจีย และรัฐฟลอริดา ขณะที่นายไบเดนยังคงปักหลักหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย
เมื่อวันเสาร์ ผู้สมัครทั้งสองคนต่างเดินทางไปปราศรัยที่รัฐสมรภูมิ โดยประธานาธิบดีทรัมป์เลือกไปที่รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งตนเคยได้รับชัยชนะอย่างพลิกความคาดหมายเหนือนางฮิลลารี คลินตัน เมื่อสี่ปีก่อน และหวังว่าจะทำได้อีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้โพลล์ส่วนใหญ่ต่างชี้ว่า ปธน.ทรัมป์ มีคะแนนตามหลังนายไบเดนอยู่หลายจุดที่รัฐนี้ก็ตาม
ปธน.ทรัมป์ กล่าวปราศรัยที่เมืองนิวทาวน์ วิจารณ์คำตัดสินของศาลสูงที่ปฏิเสธคำร้องของพรรครีพับลิกันที่ขอให้สั่งห้ามการขยายเวลารับบัตรลงคะแนนเลือกตั้งของผู้ที่ไม่สามารถไปปรากฎตัว ณ สถานที่เลือกตั้งในรัฐนี้ ออกไปอีกสามวัน
ขณะที่นายไบเดนเดินทางไปหาเสียงที่รัฐมิชิแกนร่วมกับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อวันเสาร์ โดยทั้งคู่เน้นกล่าวปราศรัยโจมตีความล้มเหลวของประธานาธิบดีทรัมป์ในการรับมือการระบาดของโควิด-19
สำหรับผลสำรวจความนิยมล่าสุด ตามเว็บไซต์ Real Clear Politics พบว่า ทรัมป์และไบเดน ได้คะแนนเท่ากันในรัฐฟลอริดา แอริโซนา และนอร์ธแคโรไลนา ขณะที่ปธน.ทรัมป์ ตามหลังอดีตรองปธน.ไบเดน ในรัฐมิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ส่วนผลสำรวจทั่วประเทศ พบว่า อดีตรองปธน.ไบเดน ยังนำปธน.ทรัมป์ อยู่ราว 7-8 เปอร์เซนต์
จนถึงขณะนี้ ชาวอเมริกันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 92 ล้านคน เกินกว่า 60% ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งหมดในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์ 138.8 ล้านคน โดยผู้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าราว 20 ล้านคนในปีนี้เป็นผู้ที่ไม่เคยออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมาก่อน
ตามข้อมูลของ U.S. Election Project คาดว่าชาวอเมริกันจะออกมาใช้สิทธิ์มากกว่า 150 ล้านคน ในการเลือกตั้งปีนี้ หรือราว 65% ของคนอเมริกันผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908