รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า จะมีการจำกัดจำนวนผู้ลี้ภัยที่ได้รับอนุญาตให้อพยพเข้าประเทศให้เหลือ 15,000 คนในปีงบประมาณใหม่ ซึ่งเริ่มต้นในวันพฤหัสบดีนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ลดจำนวนผู้ลี้ภัยที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาพำนักในประเทศต่อปีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อปี ค.ศ. 2017
ในปีงบประมาณ 2020 ที่เพิ่งผ่านไป ทางรัฐบาลกำหนดเพดานรับผู้ลี้ภัยที่ 18,000 คน โดยสหรัฐฯ ได้รับผู้ลี้ภัย 10,892 คนเข้าประเทศก่อนจะระงับไปเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นจำนวนผู้ลี้ภัยที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่สภาคองเกรสอนุมัติโครงการผู้ลี้ภัยยุคใหม่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว โดยในยุคของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา มีการรับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศที่ 70,000 – 85,000 คนต่อปี
กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์ในปีหน้า “ยืนหยัดความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดในโลก ในขณะเดียวกันก็เติมเต็มหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในการปกป้องและรับใช้ชาวอเมริกัน”
คริช วิกนาราจาห์ ประธานของ Lutheran Immigration and Refugee Service ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลสหรัฐฯ มีหน้าที่ช่วยผู้อพยพลงหลักปักฐานในประเทศ ระบุว่า การตัดสินใจลดจำนวนผู้อพยพที่ได้รับอนุญาตให้พำนักในสหรัฐฯเป็น “การละทิ้งหน้าที่ทางคุณธรรมและคุณค่าทุกประการของประเทศเราอย่างสิ้นเชิง”