อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกการไต่ส่วนเพื่อถอดถอนที่วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติว่า ตนไม่มีความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนก่อการจลาจลบุกยึดอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม เป็น “การล่าแม่มด” อีกครั้งหนึ่ง
สมาชิกวุฒิสภาลงมติในวันเสาร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ด้วยคะแนนเสียง 57 ต่อ 43 สำหรับการถอดถอนอดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้อดีตปธน.ทรัมป์ พ้นผิดจากข้อกล่าวหาว่ามีส่วนรับผิดชอบต่อการที่ผู้สนับสนุนของตนหลายร้อยคนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ก่อนจะทำลายทรัพย์สิน และเข้าไปในห้องทำงานของสมาชิกสภาคองเกรส ก่อนที่ทุกอย่างจะยุติลง พร้อมด้วยการเสียชีวิตของผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอาคารรัฐสภาทั้งหมด 5 ราย
ทั้งนี้ การที่จะลงมติชี้ว่า อดีตปธน.ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำคนแรกของสหรัฐฯ ที่ถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง 2 ครั้ง มีความผิดและสมควรถูกถอดถอนนั้น จะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา อันประกอบด้วยสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตจำนวน 50 คนและต้องการเสียงจากสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันอย่างน้อยอีก 17 คน
เมื่อต้นปีที่แล้ว วุฒิสภาสหรัฐฯ ที่พรรคพรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมาก ลงมติว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ รายนี้ ไม่มีความผิด ในญัตติขอถอดถอนผู้นำสหรัฐฯที่สภาสูงรับพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมุ่งเป้าไปที่เรื่องที่อดีตปธน.ทรัมป์ ขอให้ประธานาธิบดียูเครนตรวจสอบคู่แข่งทางการเมือง คืออดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และลูกชาย ฮันเตอร์ ไบเดน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางทหารสหรัฐฯ ต่อยูเครน 391 ล้านดอลลาร์
ภายหลังการลงมติของวุฒิสภาในครั้งนี้ อดีตปธน.ทรัมป์ ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า กระบวนการที่จบลงไปคือ “ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การล่าแม่มดในประเทศของเรา” และว่า “ไม่มีประธานาธิบดีคนไหนต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน”
อย่างไรก็ตาม อดีตผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้ประณามผู้ก่อการจลาจลที่บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา แต่กล่าวว่า “การเคลื่อนไหนอันสวยงาน เปี่ยมไปด้วยความรักชาติ ที่พึงบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เพื่อทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งเพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น” และ “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ข้าพเจ้าจะมีเรื่องอีกมากมาแบ่งปันให้ทุกคน และข้าพเจ้าจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเดินหน้าการเดินทางอันน่าเหลือเชื่อนี้ไปด้วยกัน เพื่อให้บรรลุจุดหมายแห่งความยิ่งใหญ่ของอเมริกาเพื่อพวกเราทุกคน”
ในส่วนของ ผู้นำเสียงส่วนน้อยในวุฒิสภา ส.ว.มิทช์ แมคคอนเนลล์ ซึ่งลงมติว่าอดีตปธน.ทรัมป์ไม่มีความผิด ตามบทบัญญัติขอรัฐธรรมนูญ กล่าวต่อสมาชิกสภาสูงหลังการลงมติว่า พันธมิตรของเขารายนี้ “มีส่วนรับผิดชอบทางในทางปฏิบัติและด้านศีลธรรม ต่อการปลุกเร้าเหตุการณ์ต่างๆ ในวันนั้น” พร้อมกล่าวว่า “ผู้คนที่บุกเข้ามาในอาคารนี้ เชื่อว่า พวกเขากำลังทำตามความปรารถนาและคำแนะนำของประธานาธิบดีของพวกเขา”
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ โดยกล่าวว่า แม้การลงมติในขั้นสุดท้ายจะไม่นำไปสู่การเอาผิด สาระของข้อหานั้นไม่ใช่ประเด็นที่ต้องนำมาโต้แย้งแต่อย่างใด และแม้แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเอาผิดอดีตผู้นำสหรัฐฯ เช่น ส.ว.แมคคอนเนลล์ ยังเชื่อว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีความผิดในฐานที่ “ละทิ้งหน้าที่อย่างน่าอดสู” และ “มีความรับผิดชอบทั้งทางปฏิบัติและทางศีลธรรม สำหรับการปลุกปั่นให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่อาคารรัฐสภา”
รายงานข่าวระบุว่า ส.ว.สังกัดพรรครีพับลิกัน 7 คนที่ลงมติให้อดีตปธน.ทรัมป์มีความผิดนั้น คือ ส.ว.ริชาร์ด เบอร์ จากรัฐนอร์ทแคโรไลนา ส.ว.บิลล์ แคสซิดี้ จากรัฐหลุยเซียนา ส.ว.ซูซาน คอลลินส์ จากรัฐเมน ส.ว.ลิซ่า มูร์คาวสกี้ จากรัฐอะแลสกา ส.ว.มิตต์ รอมนีย์ จากรัฐยูทาห์ ส.ว.เบน แซส จากรัฐเนแบรสกา และ ส.ว.แพทริค ทูมีย์ จากรัฐเพนซิลเวเนีย
กระบวนการถอดถอนอดีตผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้ ใช้เวลาดำเนินการทั้งหมด 5 วัน โดยทีมเสนอการถอดถอนซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาล่างสังกัดพรรคเดโมแครตใช้เวลา 2 วันในการนำเสนอรายละเอียดและหลักฐานประกอบการฟ้องร้อง ขณะที่ ทีมทนายของทรัมป์ ใช้เวลาไม่ถึง 1 วันเพื่อเสนอข้อมูลโต้ โดยมีรายงานข่าวว่า อดีตปธน.ผู้ถูกยื่นถอดถอนปฏิเสธคำร้องของจากพรรคเดโมแครตให้เดินทางจากรัฐฟลอริดามายังกรุงวอชิงตันเพื่อขึ้นให้การด้วยตนเอง แต่เลือกที่จะติดตามการไต่สวนผ่านหน้าจอโทรทัศน์แทน ก่อนที่ หัวหน้าทีมถอดถอนและตัวแทนทนายของทรัมป์ จะขึ้นกล่าวแถลงปิด เพื่อให้สมาชิกสภาสูงลงมติในที่สุด