วุฒิสภาสหรัฐฯ ที่พรรคพรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมาก ลงมติว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่มีความผิด ในญัตติขอถอดถอนผู้นำสหรัฐฯที่สภาสูงรับพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร
การลงมติของวุฒิสภาในครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากขั้นตอนขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการด้วยการไต่สวนผู้เกี่ยวข้องเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
วุฒิสภาสหรัฐฯ มีกำหนดการลงมติใน 2 ญัตติขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ญัตติแรก คือการใช้อำนาจในทางที่ผิด และญัตติที่ 2 คือ การขัดขวางกระบวนการตรวจสอบของรัฐสภา
โดยวุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติ 52 ต่อ 48 เสียง ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีความผิดในญัตติแรก คือ การใช้อำนาจในทางที่ผิด และมีมติ 53 เสียง ต่อ 47 เสียง ว่าผู้นำสหรัฐฯ ไม่มีความผิดในข้อหาข้อหาขัดขวางการทำงานของสภา ซึ่งสภาผู้แทนฯสหรัฐฯ ที่เดโมเเครตคุมเสียงข้างมากเสนอให้สภาสูงพิจารณาเป็นเหตุผลของการขอถอดถอนโดนัลด์ ทรัมป์
กระบวนการขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์มุ่งเป้าไปที่เรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ขอให้ประธานาธิบดียูเครนตรวจสอบคู่แข่งทางการเมือง คืออดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และลูกชาย ฮันเตอร์ ไบเดน ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานในยูเครน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางทหารสหรัฐฯ ต่อยูเครน 391 ล้านดอลลาร์
ในช่วงการดำเนินการผ่านสภาสูง ซึ่งคล้ายกับการพิจารณาคดีในศาลที่มีวุฒิสมาชิก 100 คน ทำหน้าที่เหมือนลูกขุน ทนายฝ่ายโดนัลด์ ทรัมป์เสนอข้อมูลและเหตุผลคัดค้านฝ่ายเดโมเเครต โดยระบุว่าการขอให้ยูเครนสืบสวนข้อมูลที่อาจเกี่ยวกับคอรัปชั่น เป็นหน้าที่ตามกฎหมายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 3 ในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ ที่ถูกสภาล่างเสนอถอดถอน ตามหลังอดีตประธานาธิบดี แอนดรูว์ จอห์นสัน และอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน ส่วนผู้นำสหรัฐฯ อีกคนหนึ่งซึ่งถูกกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนเช่นกัน คืออดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน แต่ได้ชิงลาออกจากตำแหน่งก่อนที่กระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์