ณ เวลานี้ใกล้ความจริงขึ้นมาทุกขณะว่า โจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ พาชาวอเมริกันกลับมาชมภาพยนตร์ภาคต่อของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ซึ่งเป็นความเดิมจากตอนที่แล้วในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่คู่ชิงในเวลานั้น คือ ไบเดนและทรัมป์ และทั้งคู่กำลังขีดเขียนฉากต่อไปของการเมืองอเมริกันที่เหมือนหนังม้วนเก่าที่เคยได้เห็นมาในอดีตเมื่อหลายทศวรรษก่อน ตามรายงานของเอพี
การรีแมตช์ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 1956 เมื่อประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ดไวท์ ดี ไอเซนฮาวเออร์ (Dwight D. Eisenhower) เอาชนะคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต อัดไล สตีเวนสัน (Adlai Stevenson) ได้อีกครั้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2 ครั้ง
ขณะที่อีกประวัติศาสตร์การเมืองที่ต้องพูดถึง คือ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 22 และ 24 ชนะเลือกตั้งในปี 1884 และ 1892 ซึ่งเป็นการกลับมาคว้าชัยของผู้นำสหรัฐฯ รายนี้ในรอบ 8 ปี
ระหว่างที่ภาคต่อของศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ กำลังดำเนินไป คอการเมืองและคอหนังอเมริกันอาจหวังให้รีแมตช์ไบเดน-ทรัมป์ จบเหมือนมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่อง เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 2 มากกกว่า เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 3 แต่ศึกล้างตาครั้งนี้ได้รับการคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับข้อเปรียบเทียบทางประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันย้อนไปถึงยุคก่อตั้งประเทศเลยก็ว่าได้
เอพี ได้รวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันเกี่ยวกับศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่สะท้อนฉากทัศน์ที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้งปี 2024
อเมริกาเคยมี ‘รีแมตช์เลือกตั้งประธานาธิบดี’ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?
ครั้งสุดท้ายที่มีนัดรีแมตช์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือเมื่อ 68 ปีก่อน หลังจากปธน.ไอเซนฮาวเออร์ เอาชนะสตีเวนสันเมื่อปี 1952 และกวาดชัยชนะไปได้หมด ยกเว้นเพียง 9 รัฐในการเลือกตั้งปีนั้น เขาคว้าชัยอีกครั้งในนัด 4 ปีให้หลังกับคู่แข่งคนเดิม แถมยังกวาดชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ได้มากกว่าเดิมด้วย
และย้อนกลับไปไกลอีกในยุคประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันวิลเลียม แมคคินลีย์ เอาชนะคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต วิลเลียม เจนนิงส์ ไบรอัน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 1896 และอีกครั้งในปี 1900
ขณะที่ในปี 1836 มาร์ติน แวน บูเรน จากพรรคเดโมแครต เอาชนะวิลเลียม เฮนรี แฮร์ริสัน จากพรรควิก ก่อนที่แฮร์ริสันจะชนะศึกรีแมตช์และได้เป็นประธานาธิบดีในอีก 4 ปีต่อมา
อีกคู่หนึ่ง คือ จอห์น ควินซี อดัมส์ และแอนดรูว์ แจ็คสัน ที่เผชิญหน้ากับ 2 ครั้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ครั้งแรกคือปี 1824 ซึ่งอดัมส์ชนะ และครั้งที่ 2 ในปี 1828 ที่แจ็คสันได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ จากนัดรีแมตช์
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ จอห์น อดัมส์ ประธานาธิบดีคนที่ 2 และโธมัส เจฟเฟอร์สัน ที่ทั้งคู่ขับเคี่ยวกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรก เพื่อหาผู้ดำรงตำแหน่งแทนประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน เมื่อปี 1796 ซึ่งอดัมส์ชนะ และเจฟเฟอร์สันได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดี แต่อีก 4 ปีต่อมาเจฟเฟอร์สันก็ลงชิงชัยและเอาชนะอดัมส์ได้ในนัดรีแมตช์
มีอดีตประธานาธิบดีกี่รายที่ได้หวนคืนทำเนียบขาว?
ณ ตอนนี้มีเพียง 1 คนเท่านั้นในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน นั่นคือ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียงคนเดียวที่รับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ 2 สมัยในช่วงเวลาที่ไม่ต่อเนื่องกัน ซึ่งเขาประสบความสำเร็จในการทำสิ่งที่ทรัมป์กำลังเดินเกมในขณะนี้ คือ การช่วงชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวกลับมาจากคู่แข่งที่แย่งไปในการเลือกตั้งครั้งก่อน
คลีฟแลนด์ อดีตผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ชนะเลือกตั้งแบบฉิวเฉียดในปี 1884 และอีก 4 ปีต่อมา เขาชนะเลือกตั้งแบบ popular vote ก็จริง แต่พ่ายให้กับเบนจามิน แฮร์ริสัน จากพรรครีพับลิกันเมื่อนับคะแนนในคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) ก่อนที่ในปี 1892 คลีฟแลนด์จะลงเลือกตั้งเพื่อขับเคี่ยวกับแฮร์ริสันอีกครั้ง และคว้าชัยมาได้ในที่สุด
เคยมีโอกาสสำหรับอดีตประธานาธิบดีและพรรคที่ 3 หรือไม่?
ยังมีอดีตผู้นำสหรัฐฯ หลายคนที่พยายามจะชิงชัยอีกสมัยแต่ไม่สำเร็จ เช่น ยูลิสซีส เอส. แกรนต์ (Ulysses S. Grant) ที่พยายามเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันอีกครั้งในปี 1880 หลังเป็นผู้นำสหรัฐฯ มา 2 สมัยจนถึงปี 1877 แต่พ่ายให้กับเจมส์ เอ. การ์ฟิลด์ ในตอนนั้น
ส่วนอดีตปธน.ที่เข้าใกล้ชัยชนะในการหวนคืนทำเนียบขาวที่สุด คือ เทดดี้ รูสเวลต์ จากพรรครีพับลิกัน ในตอนนั้นเขาได้ขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ หลังเหตุลอบสังหารวิลเลียม แมคคินลีย์ ในปี 1901 และได้รับเลือกให้เป็นผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในปี 1904 แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ลงชิงชัยในตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ แบบเต็มวาระในปี 1908 และหลีกทางให้วิลเลียม เอช. ทาฟต์ จากรีพับลิกันแทน
แต่แล้วรูสเวลต์กลับไม่พอใจในตัวทาฟต์ และเข้ามาแข่งขันกับเขาเป็นตัวแทนรีพับลิกันในปี 1912 ซึ่งรูสเวลต์พ่ายแพ้ และหันไปลงสมัครชิงประธานาธิบดีสังกัดพรรคบูลมูส แต่ท้ายที่สุดแล้ว วู้ดโรว์ วิลสัน จากพรรคเดโมแครต คว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนั้น โดยรูสเวลต์อยู่ในอันดับ 2 ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 88 เสียงเมื่อเทียบกับทาฟต์ที่ได้ไป 8 เสียงเท่านั้น
อีกรายคือมิลลาร์ด ฟิลมอร์ ที่เป็นผู้นำสหรัฐฯ หลังการเสียชีวิตของปธน.แซคคารี เทย์เลอร์ จากพรรควิก เมื่อปี 1850 ฟิลมอร์พลาดการเป็นตัวแทนพรรควิกในการเลือกตั้งปธน. เมื่อปี 1852 และอีก 4 ปีต่อมา เขาลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ในนามพรรคโนว์-นอทติง แต่ก็พ่ายแพ้เกือบทุกรัฐ ยกเว้นแมริแลนด์
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น