หนังสือพิมพ์ Washington Times ฉบับวันพุธที่ 23 กันยายน ตีพิมพ์บทความที่เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน นาย พิศาล มาณวพัฒน์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐสำหรับคริสต์ศตวรรษที่ 21
บทความ “Building a U.S.–Thai Partnership for the 21st Century” ชี้ว่า สหรัฐกับประเทศไทยสามารถใช้ความสัมพันธ์ระหว่างกันที่เข้มแข็งนี้ เพื่อสร้างสันติภาพและการพัฒนายั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันได้ทั่วโลก
ทูตไทยประจำสหรัฐลำดับความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐทั้งในยามสงครามและยามสงบเพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพ และการปกป้องรักษาสันติภาพเพื่อให้เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนา
ในการอ้างอิงถึงถ้อยแถลงร่วมกันเมื่อปี ค.ศ. 2012 หรือที่เรียกว่า 2012 Joint Vision Statement for the Thai-U.S. Defense Alliance ที่รัฐบาลไทยและสหรัฐได้ลงนามร่วมกันไว้
ทูตไทยในกรุงวอชิงตันแสดงความเชื่อมั่นว่า เมื่อประธานาธิบดี Barack Obama ของสหรัฐเปิดการประชุมสุดยอดว่าด้วยการพิทักษ์สันติภาพที่สหประชาชาติในนครนิวยอร์คในสัปดาห์หน้า ประเทศไทยพร้อมจะให้ความร่วมมือเพื่อรับประกันว่าประชาคมนานาชาติจะสามารถขานรับความต้องการของผู้ประสบความทุกข์ยาก ให้พลังแก่สตรีเพื่อเพิ่มบทบาทในการพิทักษ์สันติภาพ ให้การคุ้มครองสตรีและเด็กจากความรุนแรงในเขตความขัดแย้ง และสร้างสมรรถนะของประเทศไทยในฐานะผู้พิทักษ์สันติภาพ
ยังมีความร่วมมืออีกสองด้านที่ประเทศไทยและสหรัฐเห็นร่วมกันว่าสำคัญ คือการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในทะเลหลวง ซึ่งหมายถึงการเปิดให้มีการเดินเรือเชิงพาณิชย์ได้อย่างเสรี และการจำกัดการแพร่กระจายอาวุธร้ายแรงและการรณรงค์ต่อต้านคตินิยมสุดขีด
บทความของทูตไทยในสหรัฐ กล่าวถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐในด้านการพัฒนา โดยระบุว่าการพัฒนายั่งยืนและเสมอภาคเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดของการพิทักษ์สันติภาพและป้องกันความขัดแย้ง
ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงยินดีสนับสนุน 2030 Agenda for Sustainable Development หรือแผนปฏิบัติการ 2030 เพื่อการพัฒนายั่งยืน ที่จะมีการให้ความเห็นชอบกันที่สหประชาชาติในสัปดาห์นี้ที่นครนิวยอร์ค
นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขของไทยกับศูนย์การควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และกับ Armed Force Research Institute for Medical Science ของสหรัฐ ยังได้แสดงให้เห็นแล้วด้วย ว่า เป็นมาตรฐานโดดเด่นสำหรับความมั่นคงของการสาธารณสุขโลก
อีกประเด็นสำคัญที่บทความนี้กล่าวถึง คือ ความพร้อมของประเทศไทยที่จะทำงานกับสหรัฐเพื่อขับเคลื่อนประชาคมนานาชาติในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์
ทูตไทยประจำสหรัฐกล่าวส่งท้ายในบทความถึงความสัมพันธ์ที่ยืนยาวมานาน 182 ปีระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐ ว่าแม้ในบางครั้งจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นยังคงทนยืนหยัดอยู่ได้ต่อไป
และย้ำว่าประเทศไทยมุ่งมั่นจะร่วมมือกับสหรัฐ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนายั่งยืน เพื่อที่ประชาชนทั่วโลก โดยเฉพาะผู้อ่อนแอจะปลอดจากความกลัวและความอดอยาก และกลายมาเป็นผู้ร่วมทำประโยชน์ในโลกได้ด้วย