ในวาระการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯครบ 180 ปี ในปีนี้ ทางหอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ได้จัดแสดงเอกสารต้นฉบับสนธิสัญญาไมตรีและการพาณิชย์ระหว่างไทยและสหรัฐฯเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อให้สาธารณชนได้ร่วมชมเอกสารหายากอายุเกือบ 2 ศตวรรษและร่วมเฉลิมฉลองวาระพิเศษของทั้ง 2 ประเทศ
หอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐฯ นำเอกสารต้นฉบับสนธิสัญญาไมตรีและการพาณิชย์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเอกสารเก่าแก่อายุกว่า 180 ปีจัดแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกเนื่องในโอกาสครบรอบ 180 ปีความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่อาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรุงวอชิงตัน
เอกสารสนธิสัญญาฉบับนี้ ถือเป็นเอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์กับสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ เมื่อปีคริสตศักราช 1833 หรือพุทธศักราช 2376 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
David S. Ferriero ผู้อำนวยการใหญ่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐฯ บอกว่า หากไม่ใช่โอกาสพิเศษจริงๆคงจะไม่มีการนำเอกสารสำคัญแบบนี้ออกมาแสดงอย่างแน่นอน เพราะเอกสารสนธิสัญญาฉบับนี้มีความสำคัญจึงจำเป็นต้องเก็บรักษาภายใต้สภาวะแวดล้อมที่จำกัดด้วยแสงและอุณหภูมิเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบและรักษาสภาพของต้นฉบับของเอกสารให้ดีที่สุด
เนื้อหาของสนธิสัญญามีรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าและมิตรภาพที่ยั่งยืนระหว่าง 2 ประเทศ ที่บันทึกใน 4 ภาษาคือ ไทย-อังกฤษ-จีน และโปรตุเกส ลงบนกระดาษความยาวกว่า 9 ฟุต ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่สหรัฐอเมริกาซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 57 ปี ได้ลงนามกับสยามเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย
Daniel Russel ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกที่เดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองงานความสัมพันธ์ 180 ปี ไทย-สหรัฐฯ ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯให้สัมภาษณ์กับ วีโอเอ ภาคภาษาไทย ว่า ความสัมพันธ์ที่มีต่อเนื่องและยาวนานกว่า 180 ปียืนยันถึงมิตรภาพที่พิเศษและแน่นแฟ้น ของทั้ง 2 ประเทศ นอกจากนี้ยังย้ำว่า ประเทศไทยไม่เพียงจะเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่เป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐอเมริกาในเอเชียเท่านั้น หากแต่ยังเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ และมีความร่วมมือในหลายมิติมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง
คุณ วิชาวัฒน์ อิศรภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน บอกว่า มิตรภาพและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นความพิเศษและมีความสำคัญที่ทั้งสองประเทศต่างมุ่งหวังที่จะสานต่อและพัฒนาความร่วมมือต่อไปในอนาคต
การจัดงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันยาวนานของทั้ง 2 ประเทศในวาระครบรอบ 180 ปี มีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี ทั้งกิจกรรมด้านการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการสานสัมพันธ์ ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งการแสดงหาความร่วมมือด้านการทูต เศรษฐกิจ และการเมือง เพื่อประโยชน์ร่วมกันในฐานะที่ไทยถือพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดในเอเชียของสหรัฐอเมริกา
ขณะที่การจัดแสดงสนธิสัญญาประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติที่กรุงวอชิงตันจะจัดแสดงไปจนถึงเดือนธันวาคมนี้
หอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐฯ นำเอกสารต้นฉบับสนธิสัญญาไมตรีและการพาณิชย์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเอกสารเก่าแก่อายุกว่า 180 ปีจัดแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกเนื่องในโอกาสครบรอบ 180 ปีความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่อาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรุงวอชิงตัน
เอกสารสนธิสัญญาฉบับนี้ ถือเป็นเอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์กับสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ เมื่อปีคริสตศักราช 1833 หรือพุทธศักราช 2376 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
David S. Ferriero ผู้อำนวยการใหญ่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐฯ บอกว่า หากไม่ใช่โอกาสพิเศษจริงๆคงจะไม่มีการนำเอกสารสำคัญแบบนี้ออกมาแสดงอย่างแน่นอน เพราะเอกสารสนธิสัญญาฉบับนี้มีความสำคัญจึงจำเป็นต้องเก็บรักษาภายใต้สภาวะแวดล้อมที่จำกัดด้วยแสงและอุณหภูมิเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบและรักษาสภาพของต้นฉบับของเอกสารให้ดีที่สุด
เนื้อหาของสนธิสัญญามีรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าและมิตรภาพที่ยั่งยืนระหว่าง 2 ประเทศ ที่บันทึกใน 4 ภาษาคือ ไทย-อังกฤษ-จีน และโปรตุเกส ลงบนกระดาษความยาวกว่า 9 ฟุต ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่สหรัฐอเมริกาซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 57 ปี ได้ลงนามกับสยามเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย
Daniel Russel ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกที่เดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองงานความสัมพันธ์ 180 ปี ไทย-สหรัฐฯ ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯให้สัมภาษณ์กับ วีโอเอ ภาคภาษาไทย ว่า ความสัมพันธ์ที่มีต่อเนื่องและยาวนานกว่า 180 ปียืนยันถึงมิตรภาพที่พิเศษและแน่นแฟ้น ของทั้ง 2 ประเทศ นอกจากนี้ยังย้ำว่า ประเทศไทยไม่เพียงจะเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่เป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐอเมริกาในเอเชียเท่านั้น หากแต่ยังเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ และมีความร่วมมือในหลายมิติมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง
คุณ วิชาวัฒน์ อิศรภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน บอกว่า มิตรภาพและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นความพิเศษและมีความสำคัญที่ทั้งสองประเทศต่างมุ่งหวังที่จะสานต่อและพัฒนาความร่วมมือต่อไปในอนาคต
การจัดงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันยาวนานของทั้ง 2 ประเทศในวาระครบรอบ 180 ปี มีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี ทั้งกิจกรรมด้านการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการสานสัมพันธ์ ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งการแสดงหาความร่วมมือด้านการทูต เศรษฐกิจ และการเมือง เพื่อประโยชน์ร่วมกันในฐานะที่ไทยถือพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดในเอเชียของสหรัฐอเมริกา
ขณะที่การจัดแสดงสนธิสัญญาประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติที่กรุงวอชิงตันจะจัดแสดงไปจนถึงเดือนธันวาคมนี้