ในวันพุธที่ 25 ก.ย. 62 เวลา 12.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครนิวยอร์ก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาที่สถาบัน Asia Society ในหัวข้อ “การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนระหว่างประเทศ จากความแข็งแกร่งภายในสังคมไทย” โดยมีชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมฟังกว่า 100 คน
นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวว่า ประเทศไทยตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของบริบทโลก ไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็น “ภูมิภาคแห่งโอกาส” เนื่องจากมีประชากรรวมกันแล้วเกือบ 3 พันล้านคน และเป็นศูนย์อุตสาหกรรมการผลิตหลากหลายสาขาที่สำคัญ ประเทศไทยจึงดำเนินนโยบายเพื่อเสริมสร้าง “ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน” กับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศนอกภูมิภาค
นายกฯ ประยุทธ์ ระบุว่า ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้วางรากฐานด้านต่าง ๆ แก้ไขปัญหาปากท้องและการเอารัดเอาเปรียบในสังคม ปรับปรุงกฎระเบียบ และวิธีทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจและนักลงทุนเพิ่มขึ้น ประกาศให้การต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ จัดการปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และตั้งเป้าทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูง ภายในปี 2579
หลังจากการปาฐกถาเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีไทยได้ตอบคำถามของผู้ดำเนินรายการ ในหลายประเด็น
ในคำถามเรื่องการรักษาสมดุลอำนาจระหว่างสหรัฐฯ กับจีน นายกฯ กล่าวว่า ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของไทย และไทยจะไม่เลือกข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่จะสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีแค่ไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเกือบทุกประเทศทั่วโลก
และเมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า มีโอกาสที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางเยือนไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพ หรือไม่นั้น นายกฯ ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางไปได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ยังไม่แน่นอน นายกฯ กล่าวด้วยว่าได้สอบถามเรื่องนี้กับประธานาธิบดีทรัมป์ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรม Lotte New York Palace เมื่อคืนวานนี้ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่าขอดูตารางงานในช่วงนั้นก่อน และคอยดูต่อไปว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่
สำหรับคำถามเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยและการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนนั้น รัฐบาลไทยมีแนวทางจัดการเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ ประยุทธ์ กล่าวว่า ความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นมานานแล้วก่อนที่ตนจะมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และยืนยันว่าตนเชื่ิอมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย ดังนั้นใครที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศก็ควรกลับมาต่อสู้ทางกฎหมายในประเทศไทย