ในช่วงเกือบสี่ปีที่ผ่านมา การแสดง แสงสี และเสียงปรบมือ ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตและการทำงานของ "มิส ลาเบลล่า มาเฟีย" (Miss LaBella Mafia) “แดร็กควีน” (Drag Queen) ไทยในกรุงวอชิงตัน ที่สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมด้วยการแต่งหญิง ร้องและเต้น ตามบาร์และร้านอาหาร
แต่ในวันที่แสงสี และเสียงเพลงต้องดับลง หลังจากที่หลายเมืองในสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ร้านอาหาร และสถานบันเทิงหยุดให้บริการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ การแสดงแดร็กโชว์ 5 วันต่อสัปดาห์ของ “มิส ลาเบลล่า มาเฟีย” ชื่อในการแสดงของ “สุกฤษฎิ์ เกษกลิ่นหอม” วัย 33 ปี จึงหายวับ โดยที่เขาแทบตั้งตัวไม่ติด
“มัน cancel (ยกเลิก) หมด คนเริ่ม cancel ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีประกาศ quarantine (ให้เก็บตัวอยู่ในบ้าน) เพราะว่าเขาไม่อยากเสี่ยงที่จะต้องมาเจอคนเยอะ ๆ ส่วนใหญ่งานหลักอยู่ที่คลับบาร์ คลับบาร์ปิด เพราะฉะนั้นบุ๊กกิ้งที่เรามี ที่เขาจองตัวเราไว้ก็ไปหมด ก็เลยหายใจลึก ๆ ก็คิดละ งานหลักไปหมดแล้ว...หัวสมองมันว่างมันคิดไม่ถูก คิดแผนหนึ่งแผนสอง แต่ก็อย่างที่บอก เราทำงานในด้านเอนเตอร์เทนเมนท์ มัน effect (กระทบ) หมดเลย”
มาตรการล็อคดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจต้องปิดกิจการจำนวนมาก ส่งผลให้มีชาวอเมริกันยื่นขอสวัสดิการคนว่างงานแล้วถึง 26 ล้านคน ภายในระยะเวลา 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นสถิติปลดคนงานและเลิกจ้างที่เลวร้ายที่สุดของอเมริกา และยังกระทบหนักต่อผู้ประกอบอาชีพอิสระหลายแขนง ที่อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองเท่ากับลูกจ้างรัฐหรือบริษัท
สุกฤษฎิ์ หรือ มิส ลาเบลล่า มาเฟีย เล่าว่าเขาต้องปรับตัวและใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เมื่อไร้เวทีจริง ก็ต้องหันมาพึ่งเวทีเสมือนจริง เช่น เฟสบุ๊ก (LaBellela Maffia) อินสตาแกรม และทิคทอค ถ่ายทอดสดการแสดงของตัวเอง จากอพาร์ทเมนต์
“เราก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่าง มีการคุยกับเพื่อน ไลฟ์โชว์ในเฟสบุ๊ก ในอินสตาแกรม ไม่ว่าจะเป็นโชว์เล็ก ๆ น้อย ๆ โชว์แต่งหน้า พูดตลก เพื่อให้มีการปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับ กับเพื่อน ๆ หรือคนที่คอยติดตามเรา”
นอกจากจะช่วยรักษาสัมพันธ์กับแฟนคลับ ไลฟ์โชว์บนโซเชียลมีเดียยังเป็นช่องทางที่ทำให้เขาได้ทิปจากคนดู
“ส่วนใหญ่คนที่ทิปมาจะบอกว่า support local drags, local artists (สนับสนุนแดร็ก ศิลปินท้องถิ่น) คนจะเห็นว่าเราไม่มีรายได้เลย ส่วนใหญ่คนที่ทิปก็จะเป็นคนทำงานประจำ บางคนให้มาเยอะมาก จนเรารู้สึกว่า ตื้นตัน เราร้องไห้ เราไม่คิดว่าเขาจะให้เราขนาดนี้ บางคนให้เรามา 50 เหรียญ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ทำงานเหมือนกัน”
ถึงจะมีรายได้พิเศษเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้หลักจากการแสดงแดร็กโชว์เหมือนก่อน
“เครียด พอตื่นมาก็เครียด กดเครื่องคิดเลขเลย ตายละ เงินมีเท่าไหร่ วันนี้ใช้ไปเท่าไหร่ พรุ่งนี้ต้องใช้อะไรอีก แล้วที่มีจะเหลืออีกถึงเมื่อไหร่"
นอกจากนี้ การต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านนาน ๆ ทำให้คนชอบเข้าสังคมอย่างสุกฤษฎิ์ แทบไม่ได้พบปะผู้คน จนบางครั้งเจ้าตัวเกิดความเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้า
"มันทำให้เราเหงามาก อยากจะออกไปไหน คือแต่งหน้าแต่งตัวออกจากบ้าน แล้วกลับเข้ามาบ้าน นี่คือมีความรู้สึกว่า มันไม่ใช่คนปกติแล้วอะ โทร.หาคนเยอะมาก จนบางครั้งเพื่อนแบบ ‘Are you ok?’ (เธอยังโอเคอยู่มั้ย)”
ทุกวันนี้ กำลังใจของหนุ่มชาวเหนือมาจากแม่ เจ้าของกิจการนวดและสปาในจังหวัดเชียงราย รวมทั้งเพื่อนแดร็กควีน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากบ้างน้อยบ้าง
แต่ถึงแม้ว่าพิษเศรษฐกิจจากมาตรการล็อคดาวน์ จะเผยให้เห็นถึงด้านที่เปราะบางของการเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์อิสระอย่าง “แดร็กควีน” สุกฤษฎิ์บอกว่าเขายังไม่คิดจะยุติบทบาทของ “มิส ลาเบลล่า มาเฟีย” แดร็กควีนไทยในสหรัฐฯ
“งานนี้เป็นสิ่งที่เราเลือกแล้วค่ะ มันเป็นสิ่งที่เรารักมันเป็นสิ่งที่เราชอบ แล้วเราลงทุนไปกับมันมากแล้ว...การแสดงบนเวทีที่มีคนดูล้อมรอบ เสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ มีคนขอถ่ายรูปหลังจากแสดงเสร็จ นั่นคือที่คิดถึงมาก ๆ”
หนุ่มไทยวัย 33 ปี บอกว่าสิ่งที่เขาพยายามทำตอนนี้ คือเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่เป็น ไม่ปล่อยให้ความคิดด้านลบมาบั่นทอนตัวเองมากเกินไป และใช้เวลาว่างรักษาสุขภาพ บำรุงหน้าตาผิวพรรณ เพราะในวันที่สถานการณ์ดีขึ้น “มิส ลาเบลล่า มาเฟีย” จะได้พร้อมออกมาเฉิดฉาย ใต้แสงไฟของกรุงวอชิงตันอีกครั้ง
วรางคณา ชมชื่น Voice of America กรุงวอชิงตัน