กลุ่มเฟสบุ๊ก Thai American Democrats ได้จัดกิจกรรม Thai Americans Against Hate เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2021 ที่หน้าสถานกงสุลใหญ่ ประจำนครลอส แอนเจลิส เพื่อเป็นการรวมตัวกันของชุมชนไทยและชุมชนชาวเอเชียในลอส แอนเจลิส ในการแสดงออกไม่เห็นด้วยและต่อต้านความเกลียดชังและการเหยียดเชื้อชาติเอเชียที่พบเห็นได้เกือบทุกวันทั่วสหรัฐอเมริกา
ซึ่งกิจกรรมนี้เกิดจากกรณีที่คุณวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปี ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ที่เมืองซานฟรานซิสโกเมื่อปลายเดือนมกราคม 2021 ที่ผ่านมา
นายเจอรี ราเบิร์น หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกัน นักศึกษามหาวิทยาลัยผู้ก่อตั้งกลุ่ม Thai American Democrats ได้กล่าวว่า “การเสียชีวิตของคุณวิชา เห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจกระทำของผู้ต้องหาต่อผู้บริสุทธิ์มือเปล่าที่เป็นผู้สูงอายุชาวเอเชีย ที่กำลังออกกำลังกายตามปกติทุกเช้า ซึ่งเกิดเหตุที่บริเวณหมู่บ้านที่พักอาศัย ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองของพวกเราเองก็ตาม ซึ่งพวกเราจะต้องหยุดการกระทำการเกลียดชังชุมชนชาวเอเชียของเราให้ได้”
นายเจอรี ต้องการฝากให้ชุมชนไทยตื่นตัวกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ ร่วมมือกันตระหนักรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
นอกจากชุมชนชาวไทยที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้แล้ว ยังมีสมาชิกกลุ่ม Urban Partners Los Angeles องค์กรที่ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในเขตลอสแอนเจลิส สมาชิกกลุ่ม Asians with Attitudes ชุมชนชาวเอเชียอีกหลายชาติ เช่น ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ลาว เป็นต้น ให้การสนับสนุน
นายอับราฮัม เฟอเรอร์ ชาวอเมริกันเชื้อสายฟิลิปปินส์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องออกมาสนับสนุนและร่วมกันต่อต้านการกระทำการที่เกิดขึ้นดังกล่าว ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงท่าทีต่อประชาชนชาวอเมริกันบางส่วนในการกล่าวโทษถึงปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่พุ่งเป้าตรงมายังชุมชนชาวเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกามานานหลายปี
โดยกิจกรรมในลักษณะนี้ไม่ใช่เพียงกิจกรรมเดียวที่จะเกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียในช่วงขณะนี้ เพราะล่าสุดมีการทำร้ายร่างกายผลักชายชราชาวเอเชียล้มที่ไชน่าทาวน์ เมืองโอ๊คแลนด์ ไม่ไกลจากนครซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2021 ซึ่งในวันเดียวกันผู้ต้องหาคนดังกล่าวที่ยังตามจับตัวไม่ได้ยังได้ทำร้ายชายวัย 55 และหญิงวัย 65 ในลักษณะเดียวกันอีกด้วย
กรณีที่เกิดขึ้นนี้ทำให้นักแสดงฮอลลีวูดเชื้อสายเอเชียเริ่มเข้ามามีบทบาทในการตั้งรางวัลนำจับหรือคนที่จะแจ้งเบาะแสมากถึง 25,000 ดอลลาร์แล้ว