ผู้ผลิตรถสัญชาติอเมริกัน เทสลา กลายมาเป็นบริษัทรถที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แซงหน้า โตโยต้า มอเตอร์ส เจ้าของตำแหน่งเดิม ในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ราคาหุ้นของ เทสลา พุ่งขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเช้าของการซื้อขายในวันพุธ สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,133 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Capitalization ขึ้นมาเป็น 209,470 ล้านดอลลาร์ หรือสูงกว่าของโตโยต้าราว 6,000 ล้านดอลลาร์
การปรับขึ้นของราคาหุ้นครั้งนี้ทำให้มูลค่าของบริษัทเทสลา สูงกว่ามูลค่ารวมของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส และ ฟอร์ด มอเตอร์ ถึง 3 เท่าด้วย
นับตั้งแต่ต้นปีมา ราคาหุ้นของเทสลาปรับขึ้นแล้วกว่า 163 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่ออนาคตของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า และต่อการขยับขยายของเทสลา จากการเป็นผู้ผลิตรถสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม ไปสู่การเป็นผู้นำการผลิตรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลก
หลังจากต้องประสบภาวะขาดทุนติดต่อกันมาหลายปี เทสลา สามารถพลิกฟื้นกลับมารายงานดกำไรติดต่อกัน 3 ไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว ทั้งยังทำให้นักลงทุนประหลาดใจด้วยตัวเลขผลประกอบการที่ดูดีในไตรมาสแรกของปีนี้แม้จะเริ่มมีผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับโตโยต้า ที่รายงานรายได้สุทธิของปีงบประมาณ 2019 ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อเดือนมีนาคม ที่ราว 281,200 ล้านดอลลาร์ ด้วยยอดขายรถ 10.46 ล้านคัน เทสลา มีรายได้รวมในช่วงเดียวกันที่ 24,600 ล้านดอลลาร์ กับยอดขายที่ 367,200 คัน
มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทตั้งเป้าจะส่งมอบรถจำนวนอย่างน้อย 500,000 คันในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งทางบริษัทยังไม่ประกาศเปลี่ยนแปลงตัวเลขดังกล่าว แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 ยังดำเนินอยู่และส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่องก็ตาม
หลังการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดในวันพุธ ราคาหุ้นของเทสลาปิดเพิ่มขึ้นกว่า 3.6 เปอร์เซ็นต์ ที่ 1,119.63 ดอลลาร์