กลุ่มวัยรุ่นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมชาวออสเตรเลีย รวมตัวยื่นฟ้องรัฐบาลต่อศาลในนครเมลเบิร์น เพื่อให้มีคำสั่งยับยั้งโครงการเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์
การรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในออสเตรเลียเมื่อกลางปีค.ศ. 2019 จนถึงต้นปี 2020 ซึ่งถือเป็นไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในออสเตรเลียซึ่งทำให้สัตว์ป่าตายไปหลายล้านตัว
ถือเป็นครั้งแรกในออสเตรเลียที่มีกลุ่มเยาวชนในฐานะตัวแทนคนหนุ่มสาวทั่วโลก รวมตัวกันยื่นฟ้องรัฐบาล การพิจารณาคดีนี้เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันอังคารที่ศาลของรัฐบาลกลางในนครเมลเบิร์น
กลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมเป็นโจทก์ต่างอายุไม่ถึง 18 ปี และได้รับการรับรองจากผู้ดูแลตามกฎหมาย ชื่อว่า แม่ชีบริจิด อาร์เธอร์ วัย 86 ปี
โครงการเหมืองถ่านหินที่ตกเป็นเป้าหมายของการฟ้องร้องครั้งนี้อยู่ห่างจากนครซิดนีย์ราว 430 กม. ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นระบุว่าการขยายเหมืองแห่งนี้จะยิ่งทำลายสภาพภูมิอากาศโลก เร่งให้เกิดภาวะโลกร้อน และส่งผลร้ายต่ออนาคตของพวกตน
แต่บริษัทเจ้าของเหมืองระบุว่า การฟ้องร้องดังกล่าวไม่ถูกต้องและศาลควรปฏิเสธที่จะพิจารณาคดี พร้อมแถลงว่าโครงการเหมืองถ่านหินนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและมีการจ้างงานมากกว่า 450 ตำแหน่ง ซึ่งถ่านหินถือเป็นแหล่งพลังงานหลักและเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของออสเตรเลีย
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเชื่อว่า ด้วยความซับซ้อนของคดีนี้ การจะยับยั้งโครงการเหมืองถ่านหินคงไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม ทางการออสเตรเลียยืนยันว่าจะยังไม่ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะอนุมัติโครการนี้หรือไม่ จนกว่าการพิจารณาคดีจะสิ้นสุดลง โดยคาดว่าศาลนครเมลเบิร์นจะใช้เวลาราว 5 วันในการรับฟังคำให้การจากทั้งสองฝ่าย แต่เชื่อว่าจะยังไม่มีคำตัดสินในช่วงหลายเดือนจากนี้