นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนถึงวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพจิตที่เด็กๆ อเมริกันต้องเผชิญ ซึ่งตอนนี้กำลังเกิดขึ้นในรูปแบบของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความผิดปกติในการกิน การต่อสู้ และความคิดอยากฆ่าตัวตาย ที่มีเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว นายแพทย์ วิเวก เมอร์ธี (Vivek Murthy) อดีตแพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ กล่าวถึง ความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาวิกฤตสุขภาพจิตของเยาวชนในประเทศ โดยระบุว่า ในช่วงต้นปี 2021 การพยายามฆ่าตัวตายในหมู่วัยรุ่นหญิงเพิ่มขึ้น 51% และวัยรุ่นชายเพิ่ม 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019
แชรอน ฮูเวอร์ (Sharon Hoover) ศาสตราจารย์และผู้อำนวยการร่วมของศูนย์สุขภาพจิตในโรงเรียน ที่มหาวิทยาลัยแห่งแมริแลนด์ (University of Maryland) เปิดเผยว่า มีการทารุณเด็กและการปล่อยปละละเลยเด็กเพิ่มขึ้นในช่วงของการระบาดใหญ่
นักเรียนที่ขาดแคลนเทคโนโลยีหรือสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดีจะแปลกแยกออกไปมากกว่าคนอื่นๆ โดนเด็กเหล่านั้นจะมีความล้าหลังทั้งในด้านการศึกษาและสังคม และการกลับไปเรียนที่โรงเรียนก็ทำให้เด็กบางคนมีความกังวลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ดูย่ำแย่นี้ก็ยังมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ และนั่นก็คือ การที่บรรดาครูอาจารย์เข้ารับการฝึกอบรมในเรื่องสุขภาพจิต เพื่อเรียนรู้สัญญาณเตือนความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตและการใช้สารเสพติดในเด็ก ตลอดจนวิธีป้องกันโศกนาฏกรรม โปรแกรมดังกล่าวดำเนินการโดยสภาสุขภาพจิตแห่งชาติซึ่งมีอยู่ในทุกๆ รัฐ
เบอนิโต ลูน่า-เฮอร์เรอร่า (Benito Luna-Herrera) ครูสอนวิชาสังคมศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ในพื้นที่ที่มีความยากจนสูงในทะเลทรายโมฮาวี ซึ่งอยู่ห่างจากลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียโดยการขับรถเพียง 2 ชั่วโมง เป็นผู้หนึ่งที่เข้าร่วมการอบรมนี้
เพียงสองสัปดาห์หลังการอบรม เขาได้เห็นนักเรียนหญิงคนหนึ่งโต้เถียงกับแฟนหนุ่มของเธอทางอินเทอร์เน็ต เขาจึงได้เข้าไปพูดคุยกับนักเรียนหญิงคนนั้น จนเธอเริ่มเปิดใจเล่าเกี่ยวกับการที่มีปัญหากับเพื่อนๆ แฟน และกับที่บ้าน โดยเธอบอกว่า เธอรู้สึกโดดเดี่ยว และเด็กหญิงอายุ 12 ปีคนนี้บอกกับคุณครูว่า เธอคิดที่จะทำร้ายตัวเอง
ทั้งนี้ การฝึกอบรมดังกล่าวสอนให้คุณครู ลูน่า-เฮอร์เรอร่า รู้วิธีจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งก็คือการแจ้งเตือนผู้ปกครอง การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ และไม่ปล่อยให้คนที่คิดจะฆ่าตัวตายอยู่ตามลำพัง
ในขณะที่คุณครู ลูน่า-เฮอร์เรอร่า ยังคงพูดคุยกับนักเรียนหญิงคนนั้น เขาก็ได้ส่งข้อความหาเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน เพื่อให้โทรหาหมายเลขฉุกเฉินเพื่อส่งตำรวจไปที่บ้านของเธอ ตำรวจได้พูดคุยกับคุณแม่ของนักเรียนหญิง ซึ่งรู้สึกประหลาดใจกับความคิดอยากฆ่าตัวตายของลูกสาว
แคเธอรีน อากีเรอ (Katherine Aguirre) ผู้บริหารระบบการศึกษา โมฮาวี ยูนิไฟด์ (Mojave Unified) กล่าวว่า คุณครู ลูน่า-เฮอร์เรอร่า ได้ช่วยชีวิตเด็กคนนั้นเอาไว้
การฝึกอบรมนี้ช่วยให้ครูอาจารย์ได้ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างวิธีจัดการกับภาวะกดดันแบบปกติและสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง เพราะสัญญาณเตือนเหล่านั้นอาจปรากฏให้เห็นได้ชัดเจนหรืออาจถูกซ่อนไว้ภายในก็เป็นได้
ตัวอย่างของสัญญาณเตือนที่เด่นชัด มีอาทิ การพูดเกี่ยวกับความตายหรือการฆ่าตัวตาย แต่การพูดว่า ทนไม่ไหวแล้ว หรือ พอกันที ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้แล้ว การที่เด็กๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก็อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเด็กเหล่านั้นมีปัญหาทางด้านสุภาพจิต เช่น การหยุดทำกิจกรรมที่ชื่นชอบโดยที่ไม่ได้หากิจกรรมอื่นทดแทน การกลายมาเป็นคนที่ไม่มีระเบียบ เกรดตก ไม่ส่งการบ้าน ทานอาหารกลางวันตามลำพัง และไม่เล่นกับเพื่อน เป็นต้น
หลังจากที่ครูพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับนักเรียน ขั้นตอนต่อไปก็คือ การถามนักเรียนเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขาโดยที่ไม่กดดันหรือตัดสินเด็ก แต่แสดงความห่วงใย และแสดงให้เด็กรู้ว่าครูต้องการที่จะช่วย
ท้ายสุด ผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญของปัญหาของเด็กและหลีกเลี่ยงการพูดว่า ไม่เป็นไรหรอก ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น หรือฉันก็เคยผ่านเรื่องนี้มาก่อน