นักวิจัยพบว่า มีคนสูงอายุกลุ่มหนึ่งซึ่งถึงแม้อายุจะเลย 80 ปีไปแล้ว แต่ยังมีความจำดีไม่เลอะเลือน และยังมีความคิดเฉียบคมอยู่เมื่อเทียบกับคนอายุราว 50 หรือ 60 ปี
นักวิจัยเรียกคนกลุ่มนี้ว่า super-agers หรือถ้าจะแปลง่ายๆ ก็คือคนที่แก่แต่สนิมไม่เกาะ หรือสนิมยังไม่จับนั่นเอง
นักวิจัยศึกษาคนกลุ่ม super-agers รวม 31 คน และตีพิมพ์ผลที่ได้พบในวารสาร Plos One ฉบับเดือนตุลาคม นักวิจัยบอกว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนกลุ่ม super-agers นี้ยังมีความจำดีเป็นเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดี และมีคุณภาพน่าพึงพอใจกับบุคคลอื่น
แต่นอกจากการศึกษาคุณภาพความสัมพันธ์ระหว่าง super-agers กับคนอื่นแล้ว นักวิจัยยังได้ศึกษาลักษณะทางกายภาพของสมองของคนกลุ่มนี้ด้วย และพบว่าส่วนของสมองที่เรียกว่า outer cortex หรือเนื้อสมองรอบนอก ที่ทางการแพทย์เรียกว่า grey matter นั้นมีขนาดใหญ่กว่าบุคคลทั่วไป
grey matter หรือเนื้อสมองสีเทา เป็นเนื้อสมองหรือเนื้อเยื่อเซลล์ประสาทที่ใช้ในการรับสัมผัสต่างๆ เช่น การมองเห็น การได้ยิน การรับรู้อารมณ์ การควบคุมตนเอง รวมทั้งการเรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ เป็นต้น
นักวิจัยไม่แน่ใจว่า เหตุผลที่เนื้อสมองส่วนนอกหรือ grey matter นี้หดตัวน้อยหรือช้ากว่าตามเกณฑ์อายุขัยในกลุ่ม super-agers นั้น มีเหตุผลมาจากพันธุกรรมที่คนกลุ่มนี้มีขนาดเนื้อสมอง super-agers ใหญ่กว่าปกติหรือไม่?
และยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากระบวนการความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างจะมีบทบาทต่อการหดตัวหรือการเสื่อมถอยของ grey matter นี้ได้มากเพียงใด?
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบอกว่า ถึงแม้คนทั่วไปอาจจะไม่ได้มีสมองส่วน outer cortex ที่มีขนาดใหญ่ก็ตาม แต่เราก็สามารถจะช่วยชะลอการหดตัวหรือการเสื่อมถอยของสมองส่วนนี้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสของการเป็น super-agers
โดยนอกจากความพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีหรือโซเชียลเน็ตเวิร์คที่น่าพึงพอใจ และมีคุณภาพกับเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวแล้ว นักวิจัยแนะนำว่าเรื่องของการใช้ชีวิตหรือ Life Style ก็มีความสำคัญเช่นกัน
อย่างเช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การทานอาหารที่มาจากพืชเป็นหลัก การไม่สูบบุหรี่ การรักษาสุขภาพและระดับความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินไป รวมทั้งการสนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง และหาสิ่งที่ท้าทายป้อนให้กับตัวเองตลอดเวลา
รวมทั้งการตั้งเข็มและจุดมุ่งหมายในชีวิต เพื่อให้ชีวิตนั้นมีคุณค่าและมีความหมายนั่นเอง