สาวกสตาร์วอร์ส พอใจแผนของดิสนีย์ ในการชะลอการสร้างภาพยนตร์แฟรนไชส์ “สตาร์วอร์ส” ลง เพื่อเน้นการนำเสนอภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ขึ้นกว่าเดิม
Bob Iger ซีอีโอของวอล์ท ดิสนีย์ เปิดเผยกับเว็บไซต์บันเทิงอเมริกัน Hollywood Reporter ว่า การตัดสินใจของดิสนีย์ในการนำภาพยนตร์ในจักรวาลสตาร์วอร์ส เข้าฉายปีละ 1 เรื่องนั้นเป็นความผิดพลาดอย่างมาก หลังจากเกิดกระแสเบื่อหน่ายจากแฟนหนังที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และขอน้อมรับความผิดนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งดิสนีย์จะระมัดระวังในเรื่องจำนวนและระยะเวลาในการนำภาพยนตร์และซีรีส์ทางโทรทัศน์เข้าฉายในอนาคต
ดิสนีย์ เริ่มแผนการนำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในจักรวาลสตาร์วอร์ส เข้าฉายรายปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 โดยเป็นภาพยนตร์ 2 ใน 3 ของไตรภาคใหม่ ได้แก่ Star Wars: The Force Awakens และ Star Wars: The Last Jedi รวมทั้งภาพยนตร์ภาคแยก Rogue One: A Star Wars Story และ Solo: A Star Wars Story ปรากฏว่ากลับทำรายได้ในช่วงขาลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่อีกปัญหาหนึ่ง คือ นักแสดงหน้าใหม่ที่ยังไม่เป็นตัวชูโรงมากพอ โดย Hollywood Reporter เปิดเผยว่า บรรดาแฟนหนังของสตาร์วอร์ส ต่างมองว่าเป็นการเพิ่มตัวละครที่หลากหลายทางเชื้อชาติมากเกินไปและทำให้เนื้อเรื่องได้รับผลกระทบไปด้วย
สาวกสตาร์วอร์ส ต่างพอใจกับแนวทางของดิสนีย์อย่างมาก อย่าง Scott Collura บรรณาธิการเว็บไซต์บันเทิง IGN ที่มองว่า ในอดีตแฟนหนังของจอร์จ ลูคัส ต่างเฝ้ารอนานหลายปีกว่าจะได้ชมภาคใหม่ของสตาร์วอร์ส ซึ่งหากต้องรอไปถึงปี ค.ศ. 2020 หรืออีก 2 ปีข้างหน้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนัก