นอกจากครอบครัว “สกายวอล์คเกอร์” สุดอลวนแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์สุดคลาสสิกของมหาสงครามแห่งจักรวาลอันไกลโพ้น ก็คือ จอมโจรสุดกะล่อน ยียวน ในลุคแบดบอยที่ดูมีเสน่ห์ อย่าง ฮาน โซโล ซึ่งเป็นหัวใจของภาพยนตร์ฉายเดี่ยว Solo: A Star Wars Story
Solo: A Star Wars Story ย้อนกลับไปเล่าถึงที่มาที่ไปของ ฮาน โซโล ในยุคที่จักรวาลเข้าสู่ยุคไร้กฏหมาย และทุกคนต่างต้องเอาชีวิตรอด ผลักดันให้ ฮาน โซโล ชายหนุ่มหัวรั้นผู้มีความฝันจะเป็นนักบินเมื่อได้เป็นอิสระ จับพลัดจับผลูไปร่วมมือกับแก็งค์อาชญากรที่ลักลอบขนของเถื่อน และได้พบกับ Chewbacca จนกลายเป็นคู่หูในเวลาต่อมา
ความหัวรั้นไม่ฟังใครของฮาน ทำให้ภารกิจปล้นครั้งแรกของเขาผิดพลาด จนต้องเริ่มภารกิจปล้นครั้งใหม่ ที่ทำให้เขาต้องเจอกับ Qi’ra คนรักเก่าที่พลัดพรากกันไป และต้องเผชิญหน้ากับนักพนันสุดร้ายกาจ Lando Calrissian ที่เป็นเจ้าของยานมิลเลเนียม ฟัลคอนเสียด้วย!
เรื่องนี้เลือกใช้นักแสดงหน้าใหม่ในจักรวาลสตาร์วอร์สทั้งหมด โดยได้ Alden Ehrenreich มารับบทฮาน โซโล ซึ่งถูกเปรียบเทียบและกดดันหนักว่าจะเทียบรัศมีของ Harrison Ford ที่สร้างผลงานไว้ดีมากทีเดียว Woody Harrelson มารับบท Beckett จอมโจรขนของเถื่อนที่เป็นครูคนแรกของฮาน Emilia Clarke แม่มังกรใน Game of Thrones มารับบท Qi’ra คนรักเก่าของฮาน และได้นักแสดงมากฝีมือ Donald Glover มารับบทนักพนันจอมแสบ Lando Calrissian
บรรยากาศของภาพยนตร์ ย้อนไปในช่วงระหว่าง Star Wars Episode 3 กับ 4 เหมือนกับ Rouge I เพียงแต่เล่าในภาพของฮาน ที่จิตใจช่างแสนประเสริฐ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในดงคนโฉดหรือไม่ จึงทำให้ดูเป็นคนดีเกินระดับ โชคดีที่ได้ใบหน้ายียวนกวนประสาทของ Alden ที่ส่งให้ฮาน โซโลเวอร์ชันนี้ค่อนข้างหน้าหมั่นไส้ และดูเท่ในระดับหนึ่ง สำหรับหลายคนที่รอหมัดฮุกที่เป็นสไตล์ของ Star Wars ก็จะได้เจอในเรื่องนี้
สิ่งที่เป็น Takeaway ในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน” กับมุมหักเหลี่ยมเฉือนคมในภาพยนตร์ที่ต้องนั่งลุ้นกัน แต่มีหลากฉากที่ดูน่าเบื่อ ยืดเยื้อ ไม่สื่อความหมายให้กับหนัง แต่ยังใส่เข้ามาเหมือนกลัวเสียดายที่ถ่ายมาแล้วอยู่หลากฉากพอสมควร
โดยสรุปถือว่า Lucasfilm จับทางได้ถูกตั้งแต่ความสำเร็จของ Rouge I ทำให้ Solo: A Star War Story มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น มีความเทาขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญสนุกขึ้นกว่าการต่อสู้กับด้านมืดและด้านสว่าง ที่นับวันพลังของ the force เริ่มอ่อนแรงลงใน Box Office ปัจจุบัน
